นายจุมพล รอดคำดี ประธานกรรมาธิการปฏิรูปสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แถลงผลการศึกษากฎหมายดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสนับสนุนนโยบายการพัฒนาประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิตอล แต่รายละเอียดในร่างกฎหมายทั้ง 10 ฉบับ ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการและอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ถือว่ามีความสำคัญ แต่มีความกังวลจากหลายกลุ่มว่าหากรัฐบาลเร่งผลักดันให้กฎหมายบังคับใช้ อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งในด้านสิทธิเสรีภาพของประชาชน ด้านเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ จึงมีข้อเสนอแนะให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดำเนินตามนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเพียงอย่างเดียว และให้คณะกรรมการดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้จัดทำแผนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกำหนดให้รัฐบาลจัดสรรเงินจากรายได้แผ่นดินที่มาจาก กสทช.เข้าสู่กองทุนพัฒนาดิจิตอล เสนอให้ชะลอการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ออกไปก่อน พร้อมขอให้คงหลักการความเป็นองค์กรอิสระของ กสทช. ตามรัฐธรรมนูญปี 2550
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ ยังเห็นว่าต้องกำหนดบทบาทหน้าที่ของ กสทช.ในการจัดสรรคลื่นความถี่ให้ชัดเจน และสามารถใช้ดุลพินิจอย่างอิสระได้ รวมทั้งแก้ไขร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อย่างเหมาะสม ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องรอบคอบในการพิจารณาก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมาย
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ จึงมีข้อเสนอแนะให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดำเนินตามนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเพียงอย่างเดียว และให้คณะกรรมการดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้จัดทำแผนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกำหนดให้รัฐบาลจัดสรรเงินจากรายได้แผ่นดินที่มาจาก กสทช.เข้าสู่กองทุนพัฒนาดิจิตอล เสนอให้ชะลอการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ออกไปก่อน พร้อมขอให้คงหลักการความเป็นองค์กรอิสระของ กสทช. ตามรัฐธรรมนูญปี 2550
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ ยังเห็นว่าต้องกำหนดบทบาทหน้าที่ของ กสทช.ในการจัดสรรคลื่นความถี่ให้ชัดเจน และสามารถใช้ดุลพินิจอย่างอิสระได้ รวมทั้งแก้ไขร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อย่างเหมาะสม ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องรอบคอบในการพิจารณาก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมาย