ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐอาจกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 104.9 จุด หรือ -0.58 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 18,011.14จุด เอสแอนด์พี ลดลง 12.92 จุด หรือ -0.61 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 2,091.50จุด แนสแด็ก ลดลง 16.24 จุด หรือ -0.32 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 4,994.73จุด
ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ งวดส่งมอบเดือน พ.ค. ปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (24 มี.ค.) โดยเพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ +0.13 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 47.51ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 81 เซนต์ ปิดที่ 55.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจของจีน โดยจีนประเทศที่เป็นผู้บริโภคพลังงานอันดับต้นๆ เศรษฐกิจร่วงลงอย่างมากจนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน และจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในคืนวันพุธตามเวลาไทย
ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.70 ดอลลาร์ หรือ+0.31เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 1,191.40 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ ออนซ์ผลจากนักลงทุนต่างกังวลสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดยุโรป
สัญญาทองคำได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุน หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงไปกว่า 100 จุดเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐอาจกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยนั้น มาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐประจำเดือนมี.ค.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 7.8% ในเดือนที่แล้ว สู่ระดับ 539,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2008 ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว และเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 104.9 จุด หรือ -0.58 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 18,011.14จุด เอสแอนด์พี ลดลง 12.92 จุด หรือ -0.61 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 2,091.50จุด แนสแด็ก ลดลง 16.24 จุด หรือ -0.32 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 4,994.73จุด
ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ งวดส่งมอบเดือน พ.ค. ปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (24 มี.ค.) โดยเพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ +0.13 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 47.51ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 81 เซนต์ ปิดที่ 55.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจของจีน โดยจีนประเทศที่เป็นผู้บริโภคพลังงานอันดับต้นๆ เศรษฐกิจร่วงลงอย่างมากจนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน และจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในคืนวันพุธตามเวลาไทย
ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.70 ดอลลาร์ หรือ+0.31เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 1,191.40 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ ออนซ์ผลจากนักลงทุนต่างกังวลสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดยุโรป
สัญญาทองคำได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุน หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงไปกว่า 100 จุดเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐอาจกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยนั้น มาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐประจำเดือนมี.ค.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 7.8% ในเดือนที่แล้ว สู่ระดับ 539,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2008 ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว และเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.