ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันพุธ (18 มี.ค.) ทิ้งคำรับรองที่จะใช้ “ความอดทน” ในเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน ก็ระบุว่าภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกาแผ่วไปจากเมื่อสามเดือนที่แล้ว และหากจะถอนตัวจากมาตรการต้านวิกฤตก็จะต้องระมัดระวังอย่างมาก งานนี้เลยมีการตีความกันว่า เฟดจะเริ่มต้นมาตรการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ยืนอยู่ใกล้ 0% มากว่า 6 ปีแล้ว อย่างเร็วที่สุดคือในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) เดือนมิถุนายนนี้ แต่ที่มีแนวโน้มมากที่สุดคือในเดือนกันยายน อีกทั้งหลังจากนั้นก็จะขยับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
หลังเสร็จสิ้นการประชุม 2 วันเมื่อวันพุธ (18) เอฟโอเอ็มซีออกคำแถลงโดยคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ว่า อัตราเติบโตจะอยู่ที่ 2.3-2.7% และปรับลดแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อลงอยู่ที่ 0.6-0.8% พร้อมระบุว่า การเติบโตอยู่ในระดับพอประมาณ ส่วนหนึ่งเนื่องจากภาคครัวเรือนชะลอการใช้จ่าย ซึ่งเป็นการใช้ถ้อยคำที่มองการณ์ในทางแย่ลง เมื่อเปรียบเทียบกับคำแถลงหลังการประชุมเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาที่ระบุว่า เศรษฐกิจขยายตัวอย่างมั่นคง
ในคำแถลงที่ออกมาหลังประชุมวันพุธคราวนี้ เฟดยังตัดวลีที่ว่า “สามารถที่จะใช้ความอดทน” ในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งปรากฏอยู่ในคำแถลงครั้งก่อนๆ อย่างไรก็ตาม ระหว่างการประชุมแถลงข่าวถัดจากการออกคำแถลง เจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ชี้แจงว่า การตัดวลีดังกล่าว ไม่ได้หมายความว่า เอฟโอเอ็มซีจะรีบร้อนดำเนินการใดๆ หรือมีการตัดสินใจกำหนดเวลาในการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว
เยลเลนยังตั้งข้อสังเกตว่า ถึงแม้ตลาดแรงงานเข้มแข็งขึ้นและอัตราว่างงานลดลงอยู่ที่ 5.5% แต่การใช้จ่ายของผู้บริโภคกลับลดลง และภาคที่อยู่อาศัยอยู่ในภาวะซบเซา ขณะที่เงินเฟ้อทำท่าลดลงมากกว่าขยับขึ้น อันเนื่องมาจากราคาพลังงานที่ดิ่งลง ด้านค่าแรงก็หยุดนิ่ง ส่วนดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นก็กำลังทำร้ายภาคส่งออกของสหรัฐฯ
จากการที่เฟดออกมาเน้นย้ำความระมัดระวัง ทั้งที่ยิ่งขยับเข้าใกล้การเริ่มต้นนโยบายขึ้นดอกเบี้ยเช่นนี้ ได้ช่วยผ่อนคลายความกังวลของตลาดทั่วโลกที่คาดหมายดว่า ธนาคารสหรัฐฯจะยืนกรานใช้จุดยืนอันแข็งกร้าวกว่านี้
คริส โลว์ แห่ง เอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล ให้ความเห็นว่า เยลเลนตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นถ้ามีการปรับใช้นโยบายคุมเข้มช้าเกินไป โดยเฉพาะในแง่การควบคุมเงินเฟ้อ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก่อนที่จะขึ้นดอกเบี้ย เอฟโอเอ็มซีก็ต้องการเห็นตลาดแรงงานอยู่ในสภาพซึ่งปรับตัวดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ รวมทั้งอยากจะได้รับความมั่นใจก่อนว่า เงินเฟ้อจะกลับขยับขึ้นสู่เป้าหมายที่ 2% ในระยะกลาง
ขณะที่ แจน แฮตเซียส นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ ตีความคำแถลงของเฟดว่า การขึ้นดอกเบี้ยน่าจะเกิดขึ้นในการประชุมเอฟโอเอ็มซีเดือนกันยายน มากกว่าในเดือนมิถุนายน
หลังเสร็จสิ้นการประชุม 2 วันเมื่อวันพุธ (18) เอฟโอเอ็มซีออกคำแถลงโดยคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ว่า อัตราเติบโตจะอยู่ที่ 2.3-2.7% และปรับลดแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อลงอยู่ที่ 0.6-0.8% พร้อมระบุว่า การเติบโตอยู่ในระดับพอประมาณ ส่วนหนึ่งเนื่องจากภาคครัวเรือนชะลอการใช้จ่าย ซึ่งเป็นการใช้ถ้อยคำที่มองการณ์ในทางแย่ลง เมื่อเปรียบเทียบกับคำแถลงหลังการประชุมเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาที่ระบุว่า เศรษฐกิจขยายตัวอย่างมั่นคง
ในคำแถลงที่ออกมาหลังประชุมวันพุธคราวนี้ เฟดยังตัดวลีที่ว่า “สามารถที่จะใช้ความอดทน” ในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งปรากฏอยู่ในคำแถลงครั้งก่อนๆ อย่างไรก็ตาม ระหว่างการประชุมแถลงข่าวถัดจากการออกคำแถลง เจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ชี้แจงว่า การตัดวลีดังกล่าว ไม่ได้หมายความว่า เอฟโอเอ็มซีจะรีบร้อนดำเนินการใดๆ หรือมีการตัดสินใจกำหนดเวลาในการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว
เยลเลนยังตั้งข้อสังเกตว่า ถึงแม้ตลาดแรงงานเข้มแข็งขึ้นและอัตราว่างงานลดลงอยู่ที่ 5.5% แต่การใช้จ่ายของผู้บริโภคกลับลดลง และภาคที่อยู่อาศัยอยู่ในภาวะซบเซา ขณะที่เงินเฟ้อทำท่าลดลงมากกว่าขยับขึ้น อันเนื่องมาจากราคาพลังงานที่ดิ่งลง ด้านค่าแรงก็หยุดนิ่ง ส่วนดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นก็กำลังทำร้ายภาคส่งออกของสหรัฐฯ
จากการที่เฟดออกมาเน้นย้ำความระมัดระวัง ทั้งที่ยิ่งขยับเข้าใกล้การเริ่มต้นนโยบายขึ้นดอกเบี้ยเช่นนี้ ได้ช่วยผ่อนคลายความกังวลของตลาดทั่วโลกที่คาดหมายดว่า ธนาคารสหรัฐฯจะยืนกรานใช้จุดยืนอันแข็งกร้าวกว่านี้
คริส โลว์ แห่ง เอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล ให้ความเห็นว่า เยลเลนตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นถ้ามีการปรับใช้นโยบายคุมเข้มช้าเกินไป โดยเฉพาะในแง่การควบคุมเงินเฟ้อ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก่อนที่จะขึ้นดอกเบี้ย เอฟโอเอ็มซีก็ต้องการเห็นตลาดแรงงานอยู่ในสภาพซึ่งปรับตัวดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ รวมทั้งอยากจะได้รับความมั่นใจก่อนว่า เงินเฟ้อจะกลับขยับขึ้นสู่เป้าหมายที่ 2% ในระยะกลาง
ขณะที่ แจน แฮตเซียส นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ ตีความคำแถลงของเฟดว่า การขึ้นดอกเบี้ยน่าจะเกิดขึ้นในการประชุมเอฟโอเอ็มซีเดือนกันยายน มากกว่าในเดือนมิถุนายน