นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวระบุว่าบีทีเอสมีแผนจะปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ในวันที่ 1 มิถุนายนในเส้นทางสัมปทานจากสถานีหมอชิต-อ่อนนุช และสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ขอแจ้งว่า ไม่เป็นความจริงตามที่เป็นข่าว เนื่องจากการจะปรับอัตราค่าโดยสารแต่ละครั้ง บีทีเอสจะพิจารณาจากต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ของบริษัท เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าเสื่อมสภาพของวัสดุอุปกรณ์ อัตราเงินเฟ้อ ค่าครองชีพ
และที่สำคัญคือผลกระทบที่จะมีต่อประชาชน
ปัจจุบันมีปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 600,000 เที่ยวคนต่อวันมีรายได้ต่อวันอยู่ที่เที่ยวละประมาณ 27 บาท ขณะที่ต้นทุนรายจ่ายต่อวันนั้นมีน้อย เนื่องจากภาระหนี้สินหมดแล้ว ดังนั้นช่วงนี้จึงยังไม่ถึงเวลาที่จะพิจารณาการปรับขึ้นค่าโดยสาร แม้ว่าบีทีเอสจะมีสิทธิทำได้ตามเงื่อนไขในสัญญาสัมปทาน 30 ปีที่ได้รับจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่กำหนดไว้ว่าบีทีเอสสามารถปรับอัตราค่าโดยสารได้ในทุก 18 เดือนตลอดระยะเวลาของสัมปทาน และบริษัทสามารถปรับขึ้นค่าโดยสารได้เลยโดยไม่ต้องขออนุมัติจาก กทม. แต่ต้องทำหนังสือแจ้ง กทม.ล่วงหน้าก่อนการปรับขึ้นค่าโดยสาร 30 วัน ที่ผ่านมาบีทีเอสก็ไม่ได้ปรับทุก 18 เดือน มีการปรับครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคมปี 2550 อยู่ที่ 15-40 บาท และปรับครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2556 อยู่ที่ 15-42 บาท โดยมีเงื่อนไขห้ามเกินเพดานสูงสุดที่อัตรา 20-60 บาท ซึ่งอัตราค่าโดยสารวันที่เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2542 อยู่ที่ 10-40 บาท
และที่สำคัญคือผลกระทบที่จะมีต่อประชาชน
ปัจจุบันมีปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 600,000 เที่ยวคนต่อวันมีรายได้ต่อวันอยู่ที่เที่ยวละประมาณ 27 บาท ขณะที่ต้นทุนรายจ่ายต่อวันนั้นมีน้อย เนื่องจากภาระหนี้สินหมดแล้ว ดังนั้นช่วงนี้จึงยังไม่ถึงเวลาที่จะพิจารณาการปรับขึ้นค่าโดยสาร แม้ว่าบีทีเอสจะมีสิทธิทำได้ตามเงื่อนไขในสัญญาสัมปทาน 30 ปีที่ได้รับจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่กำหนดไว้ว่าบีทีเอสสามารถปรับอัตราค่าโดยสารได้ในทุก 18 เดือนตลอดระยะเวลาของสัมปทาน และบริษัทสามารถปรับขึ้นค่าโดยสารได้เลยโดยไม่ต้องขออนุมัติจาก กทม. แต่ต้องทำหนังสือแจ้ง กทม.ล่วงหน้าก่อนการปรับขึ้นค่าโดยสาร 30 วัน ที่ผ่านมาบีทีเอสก็ไม่ได้ปรับทุก 18 เดือน มีการปรับครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคมปี 2550 อยู่ที่ 15-40 บาท และปรับครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2556 อยู่ที่ 15-42 บาท โดยมีเงื่อนไขห้ามเกินเพดานสูงสุดที่อัตรา 20-60 บาท ซึ่งอัตราค่าโดยสารวันที่เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2542 อยู่ที่ 10-40 บาท
