จากกรณีน.ส.ชนิตา กินนิศ อายุ 38 ปี ถูกคนร้ายมัดมือและรัดคอ แล้วใช้ของแข็งตีอย่างแรงบริเวณศีรษะจนสลบ ก่อนนำตัวมาทิ้งไว้ที่บริเวณบ่อปลาหลังสนามกอล์ฟสุภาพฤกษ์ ใกล้กับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เพราะคิดว่าเสียชีวิตแล้ว
โดย น.ส.ชนิตา อ้างว่าเป็นทายาทมรดกหลายร้อยล้านบาทของตระกูลปทุมวาสนา เจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ที่ถูกฆ่ายกครัว 5 ศพ ที่บ้านพักย่านลาดพร้าว เมื่อปี 2552 และมีความสนิทสนมกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.ที่ถูกดำเนินคดีหมิ่นเบื้องสูง และรับผลประโยชน์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. พ.ต.อ.ยงยุทธ เดชะรัฐ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวนคลี่คลายคดี และ พ.ต.อ.เลิศชาย จำปาทอง ผกก.หน.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.สมุทรปราการ ได้นำตัวนายประชา ผ่องใส 41 ปี คนที่ขับรถแท็กซี่คันสีเหลือง ทะเบียน ทส 1162 กรุงเทพมหานคร ที่รับตัวผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุ รวมทั้ง นายสมหมาย สีมาคำ อายุ 39 ปี โชเฟอร์รถแท็กซี่ สีขาวแดง ทะเบียน ทล 3483 กรุงเทพมหานคร ที่ขับรับคนร้ายไปส่งหลังจากก่อเหตุ มาทำการสอบปากคำ โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชม.
นายประชา ให้การว่า ในวันเกิดเหตุได้จอดรถอยู่ที่หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขารามอินทรา ต่อมาก็มี น.ส.ชนิตา มาขึ้นรถพร้อมกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ลักษระสูงประมาณ 170 ซม. รูปร่างท้วม ผิวดำ สวมเสื้อแขนยาวสีดำ โดยทั้งคู่นั่งที่เบาะหลัง จากนั้นได้บอกให้ตนไปส่งที่ยังสนามกอล์ฟสุภาพฤกษ์ ใกล้กับมหาวิทยาลัยเอแบค ใน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งขณะที่ตนได้รับผู้เสียหายมานั้น ทั้งผู้เสียหายกับชายที่มาด้วยกันก็ไม่เห็นว่าจะมีการจี้บังคับแต่อย่างใด และระหว่างทางที่อยู่บนรถทั้งสองได้มีการพูดคุยกัน เหมือนกับคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน เมื่อมาถึงจุดหมายหญิงผู้เสียหายก็เป็นคนควักเงินจ่ายค่าโดยสารให้จำนวน 493 บาท ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินลงจากรถไปอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ หรือบ่งบอกว่าผู้เสียหายถูกจี้บังคับมา
ด้านนายสมหมาย ให้การว่า ขณะที่กำลังจอดรถเพื่อรอรับผู้โดยสารอยู่ใกล้ๆกับจุดเกิดเหตุ ก็ได้มีชายคนหนึ่งรูปพรรณตรงกับที่ นายประชา ให้การไว้ ได้ว่าจ้างให้ตนไปส่งที่บริเวณปากซอยรามอินทรา 39 ก่อนจะจ่ายค่าโดยสาร และเดินลงจากรถไปโดยไม่มีพิรุธ อย่างไรก็ตามการสอบปากคำของโชเฟอร์แท็กซี่ทั้งสองราย พบว่าขัดกับคำให้การของผู้เสียหายที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ที่อ้างว่าถูกคนร้ายจับมัดขึ้นรถเพื่อนำตัวไปทำร้า
โดย น.ส.ชนิตา อ้างว่าเป็นทายาทมรดกหลายร้อยล้านบาทของตระกูลปทุมวาสนา เจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ที่ถูกฆ่ายกครัว 5 ศพ ที่บ้านพักย่านลาดพร้าว เมื่อปี 2552 และมีความสนิทสนมกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.ที่ถูกดำเนินคดีหมิ่นเบื้องสูง และรับผลประโยชน์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. พ.ต.อ.ยงยุทธ เดชะรัฐ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวนคลี่คลายคดี และ พ.ต.อ.เลิศชาย จำปาทอง ผกก.หน.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.สมุทรปราการ ได้นำตัวนายประชา ผ่องใส 41 ปี คนที่ขับรถแท็กซี่คันสีเหลือง ทะเบียน ทส 1162 กรุงเทพมหานคร ที่รับตัวผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุ รวมทั้ง นายสมหมาย สีมาคำ อายุ 39 ปี โชเฟอร์รถแท็กซี่ สีขาวแดง ทะเบียน ทล 3483 กรุงเทพมหานคร ที่ขับรับคนร้ายไปส่งหลังจากก่อเหตุ มาทำการสอบปากคำ โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชม.
นายประชา ให้การว่า ในวันเกิดเหตุได้จอดรถอยู่ที่หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขารามอินทรา ต่อมาก็มี น.ส.ชนิตา มาขึ้นรถพร้อมกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ลักษระสูงประมาณ 170 ซม. รูปร่างท้วม ผิวดำ สวมเสื้อแขนยาวสีดำ โดยทั้งคู่นั่งที่เบาะหลัง จากนั้นได้บอกให้ตนไปส่งที่ยังสนามกอล์ฟสุภาพฤกษ์ ใกล้กับมหาวิทยาลัยเอแบค ใน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งขณะที่ตนได้รับผู้เสียหายมานั้น ทั้งผู้เสียหายกับชายที่มาด้วยกันก็ไม่เห็นว่าจะมีการจี้บังคับแต่อย่างใด และระหว่างทางที่อยู่บนรถทั้งสองได้มีการพูดคุยกัน เหมือนกับคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน เมื่อมาถึงจุดหมายหญิงผู้เสียหายก็เป็นคนควักเงินจ่ายค่าโดยสารให้จำนวน 493 บาท ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินลงจากรถไปอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ หรือบ่งบอกว่าผู้เสียหายถูกจี้บังคับมา
ด้านนายสมหมาย ให้การว่า ขณะที่กำลังจอดรถเพื่อรอรับผู้โดยสารอยู่ใกล้ๆกับจุดเกิดเหตุ ก็ได้มีชายคนหนึ่งรูปพรรณตรงกับที่ นายประชา ให้การไว้ ได้ว่าจ้างให้ตนไปส่งที่บริเวณปากซอยรามอินทรา 39 ก่อนจะจ่ายค่าโดยสาร และเดินลงจากรถไปโดยไม่มีพิรุธ อย่างไรก็ตามการสอบปากคำของโชเฟอร์แท็กซี่ทั้งสองราย พบว่าขัดกับคำให้การของผู้เสียหายที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ที่อ้างว่าถูกคนร้ายจับมัดขึ้นรถเพื่อนำตัวไปทำร้า