กองปราบฯ ส่งฟ้องพ่อ-แม่ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ หลังสารภาพคดีหมิ่นเบื้องสูง, แจ้งความเท็จ, กลั่นแกล้งผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา ยันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงชุบเลี้ยง สถาบันไม่เกี่ยวข้อง “พงศ์พัฒน์” ทำโดยครอบครัวไม่รู้เรื่อง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (27 ก.พ.) ที่กองปราบปราม นายอภิรุจ สุวะดี อายุ 72 ปี และนางวันทนีย์ สุวะดี อายุ 66 ปี บิดาและมารดาของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รรท.ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รทท.ผบก.ป. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป. เพื่อนำตัวส่งฟ้องพร้อมสำนวนการสอบสวนคดีหมิ่นเบื้องสูง, ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหาย และใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานแจ้งความเพื่อกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา กรณีที่ถูก น.ส.ศวิตา หรือแสงระวี หรือนก มณีจันทร์ อายุ 31 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง อยู่บ้านเลขที่ 47/2 หมู่ 8 ต.เกาะศาลระ อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี แจ้งความดำเนินคดีไว้ก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิรุจและนางวันทนีย์นั่งรถกระบะมา โดยมี น.ส.ปณิตา สุวะดี พี่สาวของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์เดินทางมาเป็นกำลังใจด้วย ทั้งหมดมีสีหน้าที่เรียบเฉย ก่อนเดินขึ้นไปยังห้องพนักงานสอบสวน
พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวภายหลังสอบปากคำเพิ่มเติมว่า คดีนี้เมื่อพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและสรุปสำนวนคดีเสร็จแล้วจึงนัดหมายนายอภิรุจและนางวันทนีย์เพื่อส่งฟ้องคดีต่ออัยการและศาลอาญาต่อไป โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูง ทั้งนี้ การดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ เป็นไปตาม ป.วิอาญา มาตรา 142 โดยก่อนหน้านี้ก็ดำเนินการตาม ป.วิอาญา มาตรา 134
พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวว่า จากนี้จะส่งสำนวนสอบสวนพร้อมตัวผู้ต้องหาต่ออัยการ แต่ก่อนไปที่อัยการจะไปที่ศาลเพื่อขอหมายศาลก่อน เสร็จแล้วจึงไปเรียนอัยการว่าผู้ต้องหาได้ถูกวางขังไว้ จากนั้นทางอัยการต้องตรวจสอบสำนวนและมีความเห็นว่าจะสอดคล้องต้องกันกับความเห็นของพนักงานสอบสวนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ต้องหาในคดีมีเพียง 2 ราย ส่วน น.ส.ปณิตาพิจารณาอนุญาตให้สามารถอยู่ใกล้ชิดกับผู้ต้องหาได้เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองเป็นผู้สูงอายุ และสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง
ด้านนางวันทนีย์กล่าวว่า “เราให้การรับสารภาพไปหมดแล้วทุกอย่าง สิ่งที่เราทำไป พูดไป เป็นความไม่ตั้งใจ ก็มีแค่นั้นแหละ สารภาพหมดแล้วในทุกข้อกล่าวหา เราก็ไม่ขอพูดอะไรมาก เราอยากจะบอกเพียงว่ายังคงรักและเทิดทูนสถาบันเหมือนเดิม สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงชุบเลี้ยงเรามา สำนึกอยู่ทุกวันทุกคืน ไม่เคยลืมเลย”
ขณะที่นายอภิรุจกล่าวว่า “ไม่มีอะไรมาก ก็สำนึกผิดแล้ว ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ก็สำนึกผิดว่าได้เคยทำอะไรไปโดยไม่ทันได้คิด ข่าวที่ออกมานั้นทำให้สถาบันเบื้องสูงได้รับความเสียหาย เรื่องการพนัน เรื่องบ่อนอะไรนั่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ จะมีก็ส่วนตัวที่ท่านพงศ์พัฒน์ (พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก.) ทำ โดยครอบครัวเราก็ไม่รู้เรื่อง”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ผู้ต้องหาเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเปิดบ่อนการพนัน น.ส.ปณิตากล่าวว่า เราไม่ได้เกี่ยวข้องเลย สถาบันเบื้องสูงก็ไม่เกี่ยวข้อง ครอบครัวเราไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง ถ้าจะเกี่ยวข้องก็คือ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่ไปทำอะไรเราก็ไม่ทราบ ขอยืนยันว่าเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องการเปิดบ่อนพนันแน่นอน เราสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงชุบเลี้ยงครอบครัวเรามา ถึงวันนี้เราก็ยังยืนยันว่าสถาบันเบื้องสูงไม่เกี่ยวข้องอะไร
“สิ่งที่คนในตระกูลของเราหรือว่าญาติอย่างท่านพงศ์พัฒน์ไปแอบอ้าง ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ตัวเรา ครอบครัวเรา รวมทั้งน้องสาวเราด้วย เราไม่ได้โดนบีบบังคับ เราพูดออกมาจากใจจริง เราพูดมาด้วยความสำนึกจริงๆ และอยากจะฝากทางสื่อมวลชนว่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกๆ เรื่อง สถาบันฯ ไม่ได้รับรู้ ครอบครัวเราก็ไม่ได้รับรู้ ที่ผ่านมาเราทุกคนถวายงานด้วยจิตที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงอยากให้ทราบว่าเรื่องการเปิดบ่อน หรือเรื่องอะไรก็ตามไม่เกี่ยวกับสถาบันฯ” น.ส.ปณิตากล่าวทิ้งท้าย
ด้าน พล.ต.ต.ฐิติราชกล่าวว่า นายอภิรุจและนางวันทนีย์ให้การรับสารภาพโดยเกิดจากความสำนึกผิดจริงๆ ไม่มีใครบังคับ ขู่เข็ญ ข่มขู่ใดๆ ก็คิดดูว่าเป็นคนบ้านนอกแต่เดินทางไปต่างประเทศเป็นว่าเล่น ที่เราตรวจสอบมาได้ก็มาจากชาวบ้าน ซึ่งก็น่าเห็นใจ แม่ก็ขายข้าวแกงมาก่อน พ่อก็ชาวบ้านธรรมดา เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่บริหารจัดการไม่ดีเลยเกิดเรื่องเกิดราวแบบนี้ขึ้นมา
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังแถลงข่าวเสร็จสิ้น ทางพนักงานสอบสวนซึ่งมี พ.ต.อ.ประเสริฐเป็นหัวหน้าชุด ได้ควบคุมตัวนายอภิรุจและนางวันทนีย์ขึ้นรถตู้เดินทางไปยังศาลอาญา ระหว่างนั้น น.ส.ปณิตาถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
พ.ต.อ.อัครเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า ในกรณีที่ผู้ต้องหาทั้งสองรายรับสารภาพอย่างง่ายดายนั้นเป็นเพราะพนักงานสอบสวนมีหลักฐานอย่างแน่นหนา เมื่อส่งหลักฐานทั้งหมดที่พนังานสอบสวนได้มาให้พ่อแม่ท่านผู้หญิงดูถึงยอมรับสารภาพในทันที ไม่มีการกดดันใดๆ ทั้งสิ้นเพราะจำนนต่อหลักฐาน ส่วนเรื่องเปิดบ่อนครอบครัวสุวะดี ให้การว่าไม่เกี่ยวกับสถาบันฯ เป็นการกระทำส่วนตัวของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ เพียงผู้เดียว