xs
xsm
sm
md
lg

รวบสาวแสบจัดฉากโดนอุ้ม อ้างสนิท “พงศ์พัฒน์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

น.ส.ชนิตา กินนิส อายุ 38 ปี ที่อ้างตัวเป็นทายาทตระกูลปทุมวาสนา เจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ที่ถูกฆ่ายกครัว 5 ศพ เมื่อปี 2552
รวบสาวแสบอ้างตัวเป็นทายาทตระกูลปทุมวาสนา เจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ที่ถูกฆ่ายกครัว 5 ศพ เมื่อปี 2552 เป็นทายาทร้อยล้าน - สนิท “พงศ์พัฒน์” จัดฉากอุ้มเรียกร้องความสนใจแฟน


วันนี้ (9 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รรท.ผบช.ก. แถลงผลการจับกุม น.ส.ชนิตา กินนิส อายุ 38 ปี ที่อ้างตัวเป็นทายาทตระกูลปทุมวาสนา เจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ที่ถูกฆ่ายกครัว 5 ศพ เมื่อปี 2552 และมีความสนิทสนมกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ร่วมกับ นายเมฆ เชื้อจีน อาย 24 ปี ชาว จ.กำแพงเพชร สร้างสถานการณ์ว่าถูกคนร้ายจี้ตัวจากห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขารามอินทรา เพื่อเรียกค่าไถ่ ก่อนนำไปทิ้งในซอยเปลี่ยวข้างสนามกอล์ฟสุภาพฤกษ์ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวปรากฏตามสื่อมวลชน กรณีที่มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวหญิงสาวถูกลักพาตัว หรือนำไปทำลายหลักฐาน หรือเพื่อการฆาตกรรม จนเป็นข่าวครึกโครม ตำรวจที่รับผิดชอบทั้ง กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.น.) และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้ทำการสืบสวนสอบสวนอย่างต่อเนื่อง จนสามารถยืนยันได้ว่าข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด แต่กลับพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้สร้างสถานการณ์ สร้างพยานหลักฐาน เพื่อที่จะทำให้สังคม หรือ ตำรวจเชื่อว่า น.ส.ชนิตา ถูกลักพาตัวไป เพื่อสังหาร หรือ ทำลายหลักฐานกับคดีที่ น.ส.ชนิตา อ้างว่าได้เข้าไปเกี่ยวข้อง โดยหลังจากนี้ตนจะสั่งการให้มีการโอนสำนวนการสอบสวนในคดีนี้ทั้งหมดให้อยู่ในความรับผิดชอบของ บช.ก. โดย บก.ป. จะเป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ เนื่องจากคดีเกิดขึ้นหลายท้องที่ จะได้ไม่เกิดความสับสน

“คดีนี้่นับแต่วันที่เกิดเหตุ ดูเหมือนจะเป็นข่าวครึกโครม เพราะมีความเกี่ยวข้องกับคดีสำคัญ ที่ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชน จึงทำให้ตำรวจทั้ง 3 หน่วย ต้องทำงานร่วมกันสืบสวนสอบสวนจน สามารถคลี่คลายคดีได้ภายใน 3 วัน ก่อนที่ประชาชนจะเกิดความสับสนไปมากกว่านี้ ยืนยันว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดีสำคัญในอดีต ทั้งคดีสังหารยกครัว ตระกูลปทุมวาสนา เมื่อปี 2552 และคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ตรงนี้ตำรวจสามารถตัดไปประเด็นนี้ไปได้เลย เราจึงต้องนำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าว เพื่อคลายความสงสัย หรือความคลางแคลงใจของประชาชน ส่วนข้อสงสัยที่ว่าทำไมต้องเปลี่ยนชื่อ 12 ชื่อ ตรงนี้จะมีการสอบสวน น.ส.ชนิตา ว่า เหตุใดจึงมีการเปลี่ยนชื่อหลายครั้ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับการให้ความร่วมมือของ น.ส.ชนิตา ด้วย” ผบ.ตร. กล่าว

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า จากพยานหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏพบว่าผู้ต้องหาทั้งสองคน ตั้งแต่เริ่มต้นมีการติดต่อกันทางไลน์ มีการนัดหมาย ไปเจอกัน มีการโอนเงินให้กัน มาเปิดห้องที่โรงแรมเพื่อวางแผน การขึ้นแท็กซี่ไปยังจุดเกิดเหตุ จนถึงจุดสุดท้ายที่มีการไปมัด ผูกคอ ปิดปาก หลักฐานที่ปรากฏสอดคล้องกับคำให้การของ นายเมฆ ทุกอย่าง โดยตำรวจได้สอบปากคำโชเฟอร์แท็กซี่ที่พาผู้ต้องหาทั้งสองคนไปที่เกิดเหตุ ยืนยันว่า ทั้งสองคนมาด้วยกันไม่มีทีท่าหรือสิ่งบอกเหตุว่าจะเป็นการลักพาตัว ทั้งนี้ ยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้รับฟังเพียงคำให้การเพียงอย่างเดียว ส่วนมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ น.ส.ชนิตา ยอมรับว่า ที่ทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจจาก นายนิว แฟนหนุ่ม

ด้าน นายเมฆ ให้การรับสารภาพ ว่า น.ส.ชนิตา ผู้เสียหาย ได้ติดต่อทางไลน์ว่าจ้างให้ตนทำทีเป็นลักพาตัว เพื่อเรียกร้องความสนใจจากนายนิว แฟนของ น.ส.ชนิตา เนื่องจากมีปัญหากับแฟน และได้เลิกกันไป 2 เดือน โดยได้ตกลงค่าจ้างจาก น.ส.ชนิตา เป็นเงินจำนวน 50,000 บาท ซึ่งได้มีการโอนมาให้ก่อนแล้วจำนวน 40,000 บาท เมื่อมาพบกัน ได้พากันนั่งแท็กซี่สีชมพูไปที่โรงแรมเวนิเซีย ซ.รามอินทรา 16 โดย น.ส.ชนิตา เสนออุบายให้ตนพาไปในป่าที่รกร้างแล้วใช้อาวุธปืนยิงที่แขน

“จากนั้น น.ส.ชนิตา จะทำทีแกล้งตาย และหลบหนีเอาตัวรอดมาได้ แต่ผมได้ปฏิเสธแผนนี้เนื่องจากไม่มีปืน แต่ น.ส.ชนิตา ขอร้องให้ช่วย อ้างว่าตั้งท้องกับแฟนแต่เลิกกันมา 2 เดือนแล้ว ให้ช่วยทำเป็นทำร้ายร่างกายแล้วเอาไปทิ้งที่ป่า ตอนนั้นเห็นว่า น.ส.ชนิตา ตั้งท้องอยู่จึงไม่กล้าทำร้าย จึงเปลี่ยนแผนเป็นว่าจะทำเป็นรัดคอ ให้มีรอยที่คอแล้วเอาไปทิ้งในป่า จึงได้ตอบตกลงว่าจะทำตามแผนนี้” นายเมฆ กล่าว และว่า จากนั้น น.ส.ชนิตา ได้ให้ตนโทรศัพท์ไปหานายนิว แฟนของ น.ส.ชนิตา ว่า “จับเมียมึงไว้ จะเอายังไง” แต่นายนิวตอบกลับมาว่า “ไม่มีเมีย ปล่อยให้ตายไปเลย” แล้ววางสายไป น.ส.ชนิตา จึงให้โทร.ไปหานายนิว อีกครั้ง โดย น.ส.ชนิตา พูดกับนายนิว ว่าได้ถูกจับเรียกค่าไถ่เป็นจำนวนเงิน 3 แสนบาท แต่นายนิวได้ปฏิเสธว่า น.ส.ชนิตา ไม่ใช่เมียของตนเองให้ฆ่าทิ้งได้เลย

นายเมฆ กล่าวว่า หลังจากนั้น น.ส.ชนิตา จึงได้บอกว่าให้พากลับไปที่บริเวณเกิดเหตุ แล้วให้ตนใช้เชือกรัดคอให้เป็นรอย เพื่อให้เห็นว่าได้ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่จริงแต่รอดตายกลับมาได้ โดยนัดแนะให้ตน หลบหนีออกมาจากที่เกิดเหตุแล้วให้โทร.แจ้งเพื่อ น.ส.ชนิตา จะได้แกล้งร้องเรียกให้คนมาช่วย จากนั้นได้พากันขึ้นรถแท็กซี่จากบริเวณ ซ.มัยลาภ (รามอินทรา 14) ขึ้นทางด่วนไปที่สนามกอล์ฟที่เกิดเหตุ และตนได้ช่วยกันใช้เชือกไนลอนที่เตรียมมารัดคอจนเป็นรอยพอสมควร ก่อนที่ตนได้ใช้ผ้าเทปกาวมัดมือ และใช้ปิดปาก น.ส.ชนิตา ไว้ แล้วรับออกมาจากที่เกิดเหตุขึ้นรถแท็กซี่มาลงที่ ซ.รามอินทรา 34 เข้าพักที่รพีรีสอร์ต แล้วกลับบ้านที่ จ.กำแพงเพชร

ขณะที่ น.ส.ชนิตา ตอบคำถามสื่อมวลชน โดยอ้างว่าไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยพบสื่อมวลชน ขณะที่เมื่อถามถึงเรื่องจัดฉากอุ้ม น.ส.ชนิตา ขอปฏิเสธที่จะตอบคำถาม พร้อมกับนิ่งเงียบ และมีท่าทีเคร่งเครียด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบประวัติทางทะเบียนราษฎรไม่พบข้อมูลว่า น.ส.ชนิตา มีความเกี่ยวข้องกับกรณีเหตุฆาตกรรม 5 ศพ ครอบครัวปทุมวาสนา แต่อย่างใด และพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดพระโขนง ที่ 369/2556 ลงวันที่ 10 มิ.ย. 56 ข้อห้า “ฉ้อโกง” โดยมีพฤติการณ์แอบอ้างว่าเป็นญาติกับดารา - นักแสดง คือ คุณฟลุ๊ค เกริกพล มัสยวานิช โดยขณะนั้น น.ส.ชนิตา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น น.ส.อิชวารย่า มัสยวนิช แล้วไปหลอกเงินจากผู้เสียหายไปจำนวน 80,000 บาท ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าวได้ส่งตัว น.ส.ชนิตา ให้พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ดำเนินคดีในข้อหา “แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีที่ผู้ต้องหาทั้งสองมีหมายจับอยู่” อายัดตัวมาดำเนินคดีในข้อหาตามหมายจับต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น