พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายบุญธรรม บุญเทพประทาน หรือ ป๋าชื่น กรรมการบริษัทบ้านชุมทองจำกัด และบริษัท เขาใหญ่เบเวอร์ลี่ฮิลล์ จำกัด ในข้อหา แอบอ้างเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เป็นกลุ่มนายทุนแอบอ้างเบื้องสูงใช้อุบายหลอกลวงและร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐนำที่ดินของราชการที่มอบให้กับประชาชนไปทำกินไปแปรผันออกโฉนดที่ดิน บริเวณเขาหนองเชื่อม ตำบลขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำตะคองและเป็นต่อเนื่องกับพื้นที่เขตทหาร ค่ายหนองตะกู
ก่อนหน้านี้ มีชาวบ้านกว่า 50 คน ได้มาร้องเรียนกับทางกองปราบปราม ว่าถูกกลุ่มนายทุนหลอกให้นำเอกสารสิทธิ์ไปออก นค3 เพื่อนำไปออกเป็นโฉนดที่ดินให้ถูกต้อง โดยได้ค่าตอบแทนรายละ 10,000 บาท หรือบางรายได้ข้าวสาร 5 กิโลกรัม แต่ภายหลังที่ดินกลับเป็นของบริษัทบ่านขุมทอง ที่มีนายบุญธรรม เป็นกรรมการ และชาวบ้านบางรายต้องเสียภาษีการซื้อขายที่ดินนับแสนบาท ซึ่งโดยหลักการแล้วพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ใดๆ ได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่สูงชันและเป็นพื้นที่ป่า และพบว่าไม่เคยมีการทำเกษตรกรรมใดๆ เมื่อที่ดินตกเป็นของกลุ่มนายทุนดังกล่าวแล้วได้จัดสรรเพื่อขายทำกำไรไร่ละนับล้านบาท เนื่องจากเป็นพื้นที่ทำเลทอง
คดีนี้เบื้องต้นนายเสฏฐวุฒิ เพ็งดิษฐ์ ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มอบตัวให้การซัดทอดถึงนายบุญธรรม ว่าแอบอ้างเบื้องสูง ในการแสวงหาที่ดินจากชาวบ้านเพื่อสร้างเป็นวัง ทำให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินและที่เกี่ยวข้องหลงเชื่อและให้ความร่วมมือ เช่น การเดินไฟฟ้าเพื่อพัฒนาพื้นที่ ใช้งบประมาณกว่า 60 ล้านบาท
จากแนวทางการสอบสวนพบว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการแจ้งความเอาผิดเพิ่มเติม เนื่องจากการจากสอบสวนพบว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ได้เคยเดินทางมาตรวจสอบพื้นที่ด้วยตัวเอง รวมทั้ง พล.ต.ท.พงพัฒน์ และพล.ต.ต.โกวิทย์ เคยมีความสนิทสนมกับป๋าชื่น
ก่อนหน้านี้ มีชาวบ้านกว่า 50 คน ได้มาร้องเรียนกับทางกองปราบปราม ว่าถูกกลุ่มนายทุนหลอกให้นำเอกสารสิทธิ์ไปออก นค3 เพื่อนำไปออกเป็นโฉนดที่ดินให้ถูกต้อง โดยได้ค่าตอบแทนรายละ 10,000 บาท หรือบางรายได้ข้าวสาร 5 กิโลกรัม แต่ภายหลังที่ดินกลับเป็นของบริษัทบ่านขุมทอง ที่มีนายบุญธรรม เป็นกรรมการ และชาวบ้านบางรายต้องเสียภาษีการซื้อขายที่ดินนับแสนบาท ซึ่งโดยหลักการแล้วพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ใดๆ ได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่สูงชันและเป็นพื้นที่ป่า และพบว่าไม่เคยมีการทำเกษตรกรรมใดๆ เมื่อที่ดินตกเป็นของกลุ่มนายทุนดังกล่าวแล้วได้จัดสรรเพื่อขายทำกำไรไร่ละนับล้านบาท เนื่องจากเป็นพื้นที่ทำเลทอง
คดีนี้เบื้องต้นนายเสฏฐวุฒิ เพ็งดิษฐ์ ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มอบตัวให้การซัดทอดถึงนายบุญธรรม ว่าแอบอ้างเบื้องสูง ในการแสวงหาที่ดินจากชาวบ้านเพื่อสร้างเป็นวัง ทำให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินและที่เกี่ยวข้องหลงเชื่อและให้ความร่วมมือ เช่น การเดินไฟฟ้าเพื่อพัฒนาพื้นที่ ใช้งบประมาณกว่า 60 ล้านบาท
จากแนวทางการสอบสวนพบว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการแจ้งความเอาผิดเพิ่มเติม เนื่องจากการจากสอบสวนพบว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ได้เคยเดินทางมาตรวจสอบพื้นที่ด้วยตัวเอง รวมทั้ง พล.ต.ท.พงพัฒน์ และพล.ต.ต.โกวิทย์ เคยมีความสนิทสนมกับป๋าชื่น