จากกรณีคณะศิษย์วัดกระทิงร่วมกับชาวบ้านกว่า 200 คน นำรถบรรทุกดินมาเทปิดถนนทางเข้าวัดพลวง ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานนมัสการรอยพระพุทธบาทประจำปี 2558 เพื่อประท้วงคณะสงฆ์ 8 วัดที่ร่วมกันจัดงานทำผิดข้อตกลง 3 ข้อหลัก ไม่ยอมจ่ายเงินค่าใช้จ่ายกองกลาง ที่ต้องนำมาจัดซื้อสิ่งของขึ้นไปจัดงานบนยอดเขาจำนวน 10 ล้านบาท โดยภายหลังนายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ รอง ผวจ.จันทบุรี พร้อม พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน ผบก.ภ.จว.จันทบุรี เข้าไปเจรจาหาข้อยุติ แต่กลับล้มเหลว เนื่องจากทางฝ่ายคณะสงฆ์ไม่ยินยอมที่จะออกมาร่วมเจรจาด้วย อ้างว่าการดำเนินงานทั้งหมดเป็นมติภายในที่ได้รับความเห็นชอบของคณะสงฆ์ทั้ง 8 วัด ที่ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานแล้ว
นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า เหตุการณ์การปิดถนนทางขึ้นเขาคิชฌกูฏ ซึ่งเป็นที่ตั้งของรอยพระพุทธบาทพลวง ซอยพลวง 2 - ซอยวัดพลวง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรียังไม่คลี่คลาย กลุ่มชาวบ้านที่เป็นศิษยานุศิษย์วัดกระทิงยังคงนำรถยนต์ พร้อมเครื่องขยายเสียง และดินลูกรังเทปิดถนนทั้ง 2 เส้นไว้ ส่งผลกระทบต่อประชาชน นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวงบนยอดเขาคิชฌกูฏ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร จากกองร้อยรักษาความสงบที่ 8 กองทัพเรือ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครฝ่ายปกครองได้ติดตามสถานการณ์ ดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่ายไม่ให้กระทบกระทั่งกัน
ขณะที่วัดพลวงได้เปิดเส้นทางอำนวยความสะดวกพุทธศาสนิกชน ประชาชน ที่จะขึ้นเขาไปนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง ให้ใช้เส้นทางสายวังแซ้ม -บ้านปึก เชื่อมต่อวัดพลวง เป็นเส้นทางเดินทางชั่วคราว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครคอยประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้เส้นทางหลักเลี่ยง
ส่วนการเจรจาเพื่อขอเปิดเส้นทางตามปกติยังคงดำเนินการอยู่ โดยชาวบ้านที่ปิดถนนยังคงยืนยันให้ทางวัดพลวง และคณะสงฆ์ส่งตัวแทนมาเจรจา
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประสานผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 ฝ่าย เจรจาหาข้อยุติร่วมกันอย่างเร่งด่วน แต่ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาทางวัดพลวงและคณะสงฆ์ไม่มีตัวแทนเข้าร่วมเจรจาคง มีแต่ตัวแทนของทางจังหวัดและทางวัดกระทิงเท่านั้น ที่พูดคุยกันจึงไม่ได้ข้อยุติตามที่ต้องการ
ทั้งนี้ทางชาวบ้านกลุ่มวัดกระทิงยืนยันข้อเรียกร้องเดิม คือ ให้คณะสงฆ์ปฏิบัติตามข้อตกลงที่เจรจากันเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา คือ 1.การจัดงานนมัสการรอยพระพุทธบาทปีนี้ต้องร่วมมือกันทั้ง 3 ฝ่ายทางคณะสงฆ์ต้องโอนเงินเข้ากองทุนเตรียมงานเขาพระบาทที่เป็นกองกลาง เพื่อใช้ในการจัดซื้อสิ่งของขึ้นไปจัดงานบนยอดเขาจำนวน 10 ล้านบาท
2.ต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการทั้ง 3 ฝ่ายในการบริหารจัดการงานให้สำเร็จลุล่วงอย่างเป็นธรรม
และ 3.คิวรถบริการในการขนของฟรีที่มีซับซ้อนให้ยุบรวมเป็นคิวเดียว และมีกองอำนวยการอยู่ที่วัดกระทิง แต่เมื่อเปิดงานนมัสการไป 3 วัน ทางคณะสงฆ์มิได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่ตกลงกันก่อนหน้านี้ และหากการเจรจาไม่มีข้อยุติทางชาวบ้านกลุ่มวัดกระทิงยืนยันจะไม่เปิดถนน และจะมีการเคลื่อนขบวนไปปิดถนนสายบ้านปึกอีกเส้นหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการจัดงานนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง ทำให้ประชาชน นักท่องเที่ยวขึ้นไปบนยอดเขาไม่ได้
หลังจากตัวแทนจังหวัดเข้าเจรจาล้มเหลวปรากฏว่า ได้มีชาวบ้านในพื้นที่ ต.พลวง ที่ได้รับความเดือนร้อนไม่สามารถสัญจรได้ตามปกติ เพราะมีการปิดเส้นทางดังกล่าวออกมารวมตัวกันประท้วงขับไล่ คณะศิษย์วัดกระทิง ทำให้ถนนเส้นเดียวกันมีกลุ่มชาวบ้าน 2 กลุ่มยืนประจันหน้ากันในระยะ 400 เมตร บรรยากาศตึงเครียด ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาคิชฌกูฎ และตำรวจชุดสลายฝูงชน และฝ่ายทหารในจังหวัดจันทบุรี รวมกว่า 80 นาย ต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ แยกทั้งสองกลุ่มห่างออกจากกันทันที ซึ่งในตลอดช่วงเช้า-บ่าย วันเดียวกันนี้ ก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติดังกล่าวได้ หลายคนเริ่มมีอาการหงุดหงิดจากอากาศที่ร้อน แต่ยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใด ๆ เกิดขึ้น
นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า เหตุการณ์การปิดถนนทางขึ้นเขาคิชฌกูฏ ซึ่งเป็นที่ตั้งของรอยพระพุทธบาทพลวง ซอยพลวง 2 - ซอยวัดพลวง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรียังไม่คลี่คลาย กลุ่มชาวบ้านที่เป็นศิษยานุศิษย์วัดกระทิงยังคงนำรถยนต์ พร้อมเครื่องขยายเสียง และดินลูกรังเทปิดถนนทั้ง 2 เส้นไว้ ส่งผลกระทบต่อประชาชน นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวงบนยอดเขาคิชฌกูฏ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร จากกองร้อยรักษาความสงบที่ 8 กองทัพเรือ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครฝ่ายปกครองได้ติดตามสถานการณ์ ดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่ายไม่ให้กระทบกระทั่งกัน
ขณะที่วัดพลวงได้เปิดเส้นทางอำนวยความสะดวกพุทธศาสนิกชน ประชาชน ที่จะขึ้นเขาไปนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง ให้ใช้เส้นทางสายวังแซ้ม -บ้านปึก เชื่อมต่อวัดพลวง เป็นเส้นทางเดินทางชั่วคราว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครคอยประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้เส้นทางหลักเลี่ยง
ส่วนการเจรจาเพื่อขอเปิดเส้นทางตามปกติยังคงดำเนินการอยู่ โดยชาวบ้านที่ปิดถนนยังคงยืนยันให้ทางวัดพลวง และคณะสงฆ์ส่งตัวแทนมาเจรจา
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประสานผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 ฝ่าย เจรจาหาข้อยุติร่วมกันอย่างเร่งด่วน แต่ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาทางวัดพลวงและคณะสงฆ์ไม่มีตัวแทนเข้าร่วมเจรจาคง มีแต่ตัวแทนของทางจังหวัดและทางวัดกระทิงเท่านั้น ที่พูดคุยกันจึงไม่ได้ข้อยุติตามที่ต้องการ
ทั้งนี้ทางชาวบ้านกลุ่มวัดกระทิงยืนยันข้อเรียกร้องเดิม คือ ให้คณะสงฆ์ปฏิบัติตามข้อตกลงที่เจรจากันเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา คือ 1.การจัดงานนมัสการรอยพระพุทธบาทปีนี้ต้องร่วมมือกันทั้ง 3 ฝ่ายทางคณะสงฆ์ต้องโอนเงินเข้ากองทุนเตรียมงานเขาพระบาทที่เป็นกองกลาง เพื่อใช้ในการจัดซื้อสิ่งของขึ้นไปจัดงานบนยอดเขาจำนวน 10 ล้านบาท
2.ต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการทั้ง 3 ฝ่ายในการบริหารจัดการงานให้สำเร็จลุล่วงอย่างเป็นธรรม
และ 3.คิวรถบริการในการขนของฟรีที่มีซับซ้อนให้ยุบรวมเป็นคิวเดียว และมีกองอำนวยการอยู่ที่วัดกระทิง แต่เมื่อเปิดงานนมัสการไป 3 วัน ทางคณะสงฆ์มิได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่ตกลงกันก่อนหน้านี้ และหากการเจรจาไม่มีข้อยุติทางชาวบ้านกลุ่มวัดกระทิงยืนยันจะไม่เปิดถนน และจะมีการเคลื่อนขบวนไปปิดถนนสายบ้านปึกอีกเส้นหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการจัดงานนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง ทำให้ประชาชน นักท่องเที่ยวขึ้นไปบนยอดเขาไม่ได้
หลังจากตัวแทนจังหวัดเข้าเจรจาล้มเหลวปรากฏว่า ได้มีชาวบ้านในพื้นที่ ต.พลวง ที่ได้รับความเดือนร้อนไม่สามารถสัญจรได้ตามปกติ เพราะมีการปิดเส้นทางดังกล่าวออกมารวมตัวกันประท้วงขับไล่ คณะศิษย์วัดกระทิง ทำให้ถนนเส้นเดียวกันมีกลุ่มชาวบ้าน 2 กลุ่มยืนประจันหน้ากันในระยะ 400 เมตร บรรยากาศตึงเครียด ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาคิชฌกูฎ และตำรวจชุดสลายฝูงชน และฝ่ายทหารในจังหวัดจันทบุรี รวมกว่า 80 นาย ต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ แยกทั้งสองกลุ่มห่างออกจากกันทันที ซึ่งในตลอดช่วงเช้า-บ่าย วันเดียวกันนี้ ก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติดังกล่าวได้ หลายคนเริ่มมีอาการหงุดหงิดจากอากาศที่ร้อน แต่ยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใด ๆ เกิดขึ้น