รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเก็บภาษีของ 3 กรมภาษี ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 58 หรือตั้งแต่ ต.ค.-ธ.ค.ที่ผ่านมา เก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท โดย 1.กรมสรรพากรเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 9.,900 ล้านบาท 2.กรมสรรพสามิตเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 3,800 ล้านบาท และ 3.กรมศุลกากรเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 1,400 ล้านบาท ทั้งนี้สาเหตุหลักมาจาก กรมสรรพากรได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ที่ได้จากการน้ำเข้าน้ำมันลดลง และภาษีนิติบุคคล ที่ผู้ประกอบการมีกำไรลดลงจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
สำหรับการเก็บภาษีล่าสุดเดือน ธ.ค.57 ของ 3 กรมภาษีต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 8,400 ล้านบาท แยกเป็นกรมสรรพากรเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 8,000 ล้านบาท เนื่องจากการเก็บภาษีนิติบุคคลต่ำกว่าเป้าหมาย 6,000 ล้านบาท และแวตต่ำกว่าเป้าหมาย 2,300 ล้านบาท, กรมสรรพสามิตเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายเหลือแค่ 200 ล้านบาท เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีน้ำมันดีเซล ส่งผลให้การเก็บภาษีน้ำมันเกินเป้าหมาย 2,000 ล้านบาท แต่การเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ยังต่ำกว่าเป้าหมาย 1,700 ล้านบาท ส่วนกรมศุลกากรเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 87 ล้านบาท เพราะเร่งประสิทธิภาพจัดเก็บทำเก็บได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
อย่างไรก็ตาม การเก็บภาษีของ 3 กรมภาษี ในช่วงที่เหลืออีก 9 เดือน ของปีงบประมาณ 58 ในส่วนของกรมสรรพสามิต และกรมศุลกากรไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากกรมสรรพสามิตการเก็บภาษีน้ำมันจะเกินเป้าหมายจากการเพิ่มภาษีน้ำมันดีเซล และกรมศุลกากรจะเก็บภาษีได้ตามเป้าหมายตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทำให้การนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น
สำหรับการเก็บภาษีของกรมสรรพากรน่าเป็นห่วง เนื่องจากตั้งเป้าหมายการขยายตัวภาษีสูงกว่าปีที่ผ่านมาสูง และเศรษฐกิจขยายตัวน้อยกว่าที่คาดไว้ รวมถึงราคาน้ำมันลดลงค่อนข้างมาก กระทบกับการเก็บภาษีของกรมสรรพากรทั้งสิ้น ทั้งการเก็บแวต และภาษีนิติบุคคล อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังได้สั่งให้กรมสรรพากรเร่งเก็บภาษีทุกทาง เช่น การเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชา ซึ่งได้หารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องมีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของนามสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ก่อนเสนอให้ ครม.เห็นชอบ
ทั้งนี้นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า การเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลมาอยู่ที่ 3.25 บาทต่อลิตร ทำให้กรมเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นปีละ 40,000 ล้านบาท โดยในส่วนของการเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ จากการหารือกับผู้ประกอบการก็ยังมั่นใจว่าในปีนี้การขายรถยนต์จะขยายตัวได้ดี หลังจากที่การจัดงานมอเตอร์โชว์เมื่อปลายปีที่ผ่านมามียอดซื้อรถยนต์ถึง 40,000 คัน ทำให้คาดว่าการเก็บภาษีจะได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า การเก็บภาษีของกรมศุลกากรตั้งแต่เดือนนี้ ไปจนถึงสิ้นปีงบประมาณ 58 จะเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายทุกเดือน ทำให้ทั้งปีได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะที่ผ่านมากรมศุลกากรได้เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บอย่างจริงใจ โดยเฉพาะในสินค้าอ่อนไหว ทั้ง รถยนต์นำเข้า เหล็ก ตู้สินค้าจากจีน ที่ให้สำแดงราคาและเสียภาษีให้ถูกต้อง ทำให้การเก็บภาษีเกือบทุกด่านเพิ่มขึ้นจากในอดีตค่อนข้างมาก
สำหรับการเก็บภาษีล่าสุดเดือน ธ.ค.57 ของ 3 กรมภาษีต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 8,400 ล้านบาท แยกเป็นกรมสรรพากรเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 8,000 ล้านบาท เนื่องจากการเก็บภาษีนิติบุคคลต่ำกว่าเป้าหมาย 6,000 ล้านบาท และแวตต่ำกว่าเป้าหมาย 2,300 ล้านบาท, กรมสรรพสามิตเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายเหลือแค่ 200 ล้านบาท เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีน้ำมันดีเซล ส่งผลให้การเก็บภาษีน้ำมันเกินเป้าหมาย 2,000 ล้านบาท แต่การเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ยังต่ำกว่าเป้าหมาย 1,700 ล้านบาท ส่วนกรมศุลกากรเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 87 ล้านบาท เพราะเร่งประสิทธิภาพจัดเก็บทำเก็บได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
อย่างไรก็ตาม การเก็บภาษีของ 3 กรมภาษี ในช่วงที่เหลืออีก 9 เดือน ของปีงบประมาณ 58 ในส่วนของกรมสรรพสามิต และกรมศุลกากรไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากกรมสรรพสามิตการเก็บภาษีน้ำมันจะเกินเป้าหมายจากการเพิ่มภาษีน้ำมันดีเซล และกรมศุลกากรจะเก็บภาษีได้ตามเป้าหมายตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทำให้การนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น
สำหรับการเก็บภาษีของกรมสรรพากรน่าเป็นห่วง เนื่องจากตั้งเป้าหมายการขยายตัวภาษีสูงกว่าปีที่ผ่านมาสูง และเศรษฐกิจขยายตัวน้อยกว่าที่คาดไว้ รวมถึงราคาน้ำมันลดลงค่อนข้างมาก กระทบกับการเก็บภาษีของกรมสรรพากรทั้งสิ้น ทั้งการเก็บแวต และภาษีนิติบุคคล อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังได้สั่งให้กรมสรรพากรเร่งเก็บภาษีทุกทาง เช่น การเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชา ซึ่งได้หารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องมีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของนามสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ก่อนเสนอให้ ครม.เห็นชอบ
ทั้งนี้นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า การเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลมาอยู่ที่ 3.25 บาทต่อลิตร ทำให้กรมเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นปีละ 40,000 ล้านบาท โดยในส่วนของการเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ จากการหารือกับผู้ประกอบการก็ยังมั่นใจว่าในปีนี้การขายรถยนต์จะขยายตัวได้ดี หลังจากที่การจัดงานมอเตอร์โชว์เมื่อปลายปีที่ผ่านมามียอดซื้อรถยนต์ถึง 40,000 คัน ทำให้คาดว่าการเก็บภาษีจะได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า การเก็บภาษีของกรมศุลกากรตั้งแต่เดือนนี้ ไปจนถึงสิ้นปีงบประมาณ 58 จะเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายทุกเดือน ทำให้ทั้งปีได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะที่ผ่านมากรมศุลกากรได้เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บอย่างจริงใจ โดยเฉพาะในสินค้าอ่อนไหว ทั้ง รถยนต์นำเข้า เหล็ก ตู้สินค้าจากจีน ที่ให้สำแดงราคาและเสียภาษีให้ถูกต้อง ทำให้การเก็บภาษีเกือบทุกด่านเพิ่มขึ้นจากในอดีตค่อนข้างมาก
