xs
xsm
sm
md
lg

“คลัง” ปาดเหงื่อเก็บรายได้ปีงบ 58 ยันไม่ลดเป้า 1.96 ล้านล้าน จ่อลุยสอบทรัพย์สิน “นักการเมือง-ขรก.ระดับสูง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“รมว.คลัง” พร้อมรับลูก “คตง.” ลุยตรวจสอบทรัพย์สิน “นักการเมือง-ข้าราชการระดับสูง” หวังดึงภาษีเข้ารัฐ ยอมรับราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่องกระทบแวตนำเข้าน้ำมันวูบกว่า 6 หมื่นล้าน ลั่นไม่ลดเป้ารายได้ปี 58 ซึ่งตั้งไว้ 1.96 ล้านล้านบาท ชี้การปรับโครงสร้างภาษีมรดก ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ทำให้รายได้งบฯ ปี 58 เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่รายได้จากภาษีดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นสูงในปี 59 ซึ่งเป็นรายได้ระยะยาว

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เตรียมส่งหนังสือถึงกระทรวงการคลัง ให้ช่วยตรวจสอบประเมินทรัพย์สินของนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง หรือบุคคลที่รวยผิดปกติ ตามกฎหมายของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินนั้น กระทรวงการคลัง พร้อมดำเนินการอยู่แล้ว และยินดีที่มีหน่วยงานมาช่วยตรวจสอบการจัดเก็บภาษีอีกด้านหนึ่ง จึงอยากให้เร่งส่งหนังสือมาโดยเร็ว เพราะกระทรวงการคลัง จะไม่เพิกเฉยจนรอให้ถูกถอดออกจากตำแหน่ง

นายสมหมาย กล่าวว่า กระทรวงการคลัง ต้องการอุดช่องโหว่การจัดเก็บภาษีอยู่แล้ว จึงต้องการให้กรมสรรพากรไปหาทางอุดช่องโหว่ที่รั่วไหลในปัจจุบัน ซึ่งจะมีรายได้เพิ่มขึ้นได้ เพราะการปฏิรูปโครงสร้างภาษีไม่ใช่เป็นเพียงการขยับเพิ่มอัตราภาษี การขยายฐานภาษี แต่ต้องหาทางอุดช่องโหว่ที่มีการรั่วไหลอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปี 2558-2559 เศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวนจนกระทบต่อการจัดเก็บภาษี

ทั้งนี้ แม้กรมสรรพากรจะขอลดเป้าหมายการจัดเก็บภาษีปีงบประมาณ 2558 เพราะปี 2557 จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 160,000 ล้านบาท แต่กระทรวงการคลัง ไม่ยอมให้ลดเป้าหมายจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2558 ซึ่งตั้งไว้ 1.96 ล้านล้านบาท แม้ว่าราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่อง และอาจกระทบรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มนำเข้านำมันลดลงถึง 60,000 ล้านบาท

ส่วนการประเมินรายได้ปี 2558 เพื่อรองรับการจัดทำงบประมาณปี 2559 นั้น รมว.คลัง ยอมรับว่า การปรับโครงสร้างภาษีมรดก ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ทำให้รายได้งบประมาณปี 2558 เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่รายได้จากภาษีดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นสูงในปี 2559 ซึ่งเป็นรายได้ระยะยาว ดังนั้น การจัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2559 จะหาข้อสรุปร่วมกันระหว่าง 4 หน่วยงาน คือ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อีกครั้งในวันที่ 13 มกราคมนี้ ที่สำนักงบประมาณ
กำลังโหลดความคิดเห็น