ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบฯ จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ โดยต่างคนต่างก็นำข้าวหม้อแกงหม้อมาร่วมสังสรรค์ และก็มีการจับฉลากของขวัญ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ระหว่างรับประทานอาหารกลางวันนายกรัฐมนตรีลงมาเซอร์ไพรส์ และนำของขวัญมาร่วมจับฉลาก และมอบพระพุทธเมตตาเสนานาถ ซึ่งจัดสร้างขึ้นสมัยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก มอบให้สื่อมวลชน
นายกรัฐมนตรีพูดคุยกับสื่อถึงการทำงานร่วมกันที่ผ่านมา โดยขออภัยหากมีการใช้คำที่กระทบกระทั่ง ยอมรับว่าเป็นนิสัยส่วนตัว และขอความร่วมมือสื่อให้สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี และขับเคลื่อนประเทศไปด้วยกันในปีหน้า
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้สื่อข่าวสายทหารรู้จักตนดีมาสายทำเนียบฯ ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ตนก็เป็นตน มีความปรารถนาดี ตั้งใจทำงานไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับใครแต่บางครั้งอะไรมากเกินไปเราก็ต้องชี้แจง จะบอกว่าเป็นนายกฯแล้วโมโหไม่ได้ เพราะเวลาทำบางครั้งก็ไม่เกิดผลผลิตออกมาทันที ก็ต้องรอ คนเราก็ต้องมีอารมณ์บ้าง เราต้องสร้างมิติใหม่ของพวกเราให้ประเทศชาติมั่นคงวันนี้ ถือเป็นวันปีใหม่ ดังนั้นอะไรก็ตามที่ทำให้ประเทศชาติไปข้างหน้าตนก็ยินดีทำ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ ร้องเพลงขอใจแลกเบอร์โทรในงานเลี้ยงอาหารค่ำระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ร้องเพลงวันนั้นเพราะผู้นำประเทศลาวขึ้นไปก่อนบอกไปว่าให้มีเพลงของแต่ละประเทศก็นึก ว่า ประเทศไทยไม่ต้องร้องทุกคนเขามีความสุขกัน เมื่อเขาร้องเพลงนี้เราก็ฟังบ่อยมีเนื้อมาก็ร้อง และประเทศในภูมิภาคนี้เราก็รู้จักกัน อย่างไรก็ตามในงานนี้ผู้สื่อข่าวก็ได้ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ร้องเพลง“ ขอใจแลกเบอร์โทร ” ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ร่วมร้องเพลงดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วย
“ ขอให้ทุกคนมีความสุข สิ่งใดก็ตามที่ผมในนามของรัฐบาลที่ล่วงล้ำไปบ้างก็ขออภัยขออโหสิกรรม ให้ลืม ๆ กันไปปีใหม่เริ่มกันใหม่ถ้าเราคุยให้สอดคล้องกัน ว่า คิดอะไรแล้วตรวจสอบทีละขั้นละตอนไม่ห่วงแต่ถ้ากำลังทำอยู่แล้วมาตำหนิ บางทีไม่เป็นกำลังใจ ผมก็อยากอธิบาย ให้ไปกันได้ ถ้าหงุดหงิดกันแล้วไปกันไม่ได้ ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว พร้อมกับเรียกหา นางยุวดี ธัญญศิริ ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับบอกว่า เป็นพี่ที่ตนเคารพและเป็นภรรยารุ่นพี่ทหารของตน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า จากนี้ไปประเทศชาติต้องยั่งยืน ตอนนี้ยังเป็นห่วงอยู่ ชีวิตและจิตใจของพวกตนมอบให้กับประเทศไทยและคนไทย ไม่ต้องการอะไรอยู่แล้ว แต่เป็นห่วงประเทศชาติ ของขวัญที่อยากจะขอคนไทยทั้งประเทศ คือ ทำอย่างไรให้ประเทศชาติก้าวข้ามความขัดแย้งสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศไทย แล้วมีความยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำความแตกต่างให้ทุกคนอยู่พอกันพอใช้ซึ่งต้องใช้เวลามากพอสมควร
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ เรียกศรัทธาคนไทยให้ได้อย่างที่ “ ซิโก้ ”นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยทำได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วนายเกียรติศักดิ์ ทำอย่างอื่นด้วยหรือไม่ ต้องเรียกให้ทุกคนให้กำลังใจนายเกียรติศักดิ์ และให้กำลังใจพวกตนด้วย ทั้งนี้ได้ให้เงินอัดฉีดนายเกียรติศักดิ์ไป 5 ล้านบาท และกำลังจะหาคนมาบริจาคอีกเป็นวงเงินจำนวนมากระหว่างแข่งขันตนก็ได้โทรศัพท์ให้กำลังใจไป วันนี้กีฬาเราก็ชนะอะไรก็เหมือนจะดีขึ้นอย่าไปเทียบปีนี้กับปีก่อน วันนี้โชคดีน้ำมันลง แต่จะให้ลดครึ่งราคาไม่ได้ทุกอย่างต้องมีเริ่มต้นแล้วไปจบลงตอนท้าย ส่วนการเมืองต้องรู้แพ้รู้ชนะด้วยกฎหมายตนพยายามไม่ให้มีข้อขัดแย้งเพิ่มเติม กระบวนการปรองดองก็ว่ากันไปตนไม่เข้าไปยุ้งแต่ตนเป็นคนรับผิดชอบก็ต้องฟังว่าเขาว่ากันอย่างไรเมื่อได้ข้อสรุปก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป
“ วันนั้นก็ดูฟุตบอลอยู่ก็เอาใจช่วย และต้องนึกถึงด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดพระเนตรอยู่และท่านทรงส่งข่าวไปตั้งแต่ตอนพักครึ่งแรกว่าเป็นกำลังใจให้ดูอย่าท้อแท้ให้มีสมาธิในการเล่น ไม่ได้รับสั่งว่า ต้องชนะเพราะท่านเป็นนักกีฬาจึงบอกให้ทุกคนมีสติเล่นด้วยความระมัดระวังวันนั้นคนมาเลเซียเขาเข้ามาเชียร์เป็นจำนวนมากสุดท้ายปรบมือให้เราเรียกว่าใจหล่อเราต้องรักประเทศรอบบ้านเพราะเศรษฐกิจจะแก้ไกลไม่ได้ ต้องเริ่มที่รอบบ้านก่อน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สุดท้ายพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า“ ใครไม่มีแฟนขอให้มีแฟนปีหน้าแล้วขอให้มีแฟนคนเดียวก็พอ ส่วนใครมีแฟนแล้วขอให้มีลูกในปีนี้ ”
นายกรัฐมนตรีพูดคุยกับสื่อถึงการทำงานร่วมกันที่ผ่านมา โดยขออภัยหากมีการใช้คำที่กระทบกระทั่ง ยอมรับว่าเป็นนิสัยส่วนตัว และขอความร่วมมือสื่อให้สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี และขับเคลื่อนประเทศไปด้วยกันในปีหน้า
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้สื่อข่าวสายทหารรู้จักตนดีมาสายทำเนียบฯ ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ตนก็เป็นตน มีความปรารถนาดี ตั้งใจทำงานไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับใครแต่บางครั้งอะไรมากเกินไปเราก็ต้องชี้แจง จะบอกว่าเป็นนายกฯแล้วโมโหไม่ได้ เพราะเวลาทำบางครั้งก็ไม่เกิดผลผลิตออกมาทันที ก็ต้องรอ คนเราก็ต้องมีอารมณ์บ้าง เราต้องสร้างมิติใหม่ของพวกเราให้ประเทศชาติมั่นคงวันนี้ ถือเป็นวันปีใหม่ ดังนั้นอะไรก็ตามที่ทำให้ประเทศชาติไปข้างหน้าตนก็ยินดีทำ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ ร้องเพลงขอใจแลกเบอร์โทรในงานเลี้ยงอาหารค่ำระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ร้องเพลงวันนั้นเพราะผู้นำประเทศลาวขึ้นไปก่อนบอกไปว่าให้มีเพลงของแต่ละประเทศก็นึก ว่า ประเทศไทยไม่ต้องร้องทุกคนเขามีความสุขกัน เมื่อเขาร้องเพลงนี้เราก็ฟังบ่อยมีเนื้อมาก็ร้อง และประเทศในภูมิภาคนี้เราก็รู้จักกัน อย่างไรก็ตามในงานนี้ผู้สื่อข่าวก็ได้ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ร้องเพลง“ ขอใจแลกเบอร์โทร ” ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ร่วมร้องเพลงดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วย
“ ขอให้ทุกคนมีความสุข สิ่งใดก็ตามที่ผมในนามของรัฐบาลที่ล่วงล้ำไปบ้างก็ขออภัยขออโหสิกรรม ให้ลืม ๆ กันไปปีใหม่เริ่มกันใหม่ถ้าเราคุยให้สอดคล้องกัน ว่า คิดอะไรแล้วตรวจสอบทีละขั้นละตอนไม่ห่วงแต่ถ้ากำลังทำอยู่แล้วมาตำหนิ บางทีไม่เป็นกำลังใจ ผมก็อยากอธิบาย ให้ไปกันได้ ถ้าหงุดหงิดกันแล้วไปกันไม่ได้ ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว พร้อมกับเรียกหา นางยุวดี ธัญญศิริ ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับบอกว่า เป็นพี่ที่ตนเคารพและเป็นภรรยารุ่นพี่ทหารของตน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า จากนี้ไปประเทศชาติต้องยั่งยืน ตอนนี้ยังเป็นห่วงอยู่ ชีวิตและจิตใจของพวกตนมอบให้กับประเทศไทยและคนไทย ไม่ต้องการอะไรอยู่แล้ว แต่เป็นห่วงประเทศชาติ ของขวัญที่อยากจะขอคนไทยทั้งประเทศ คือ ทำอย่างไรให้ประเทศชาติก้าวข้ามความขัดแย้งสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศไทย แล้วมีความยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำความแตกต่างให้ทุกคนอยู่พอกันพอใช้ซึ่งต้องใช้เวลามากพอสมควร
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ เรียกศรัทธาคนไทยให้ได้อย่างที่ “ ซิโก้ ”นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยทำได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วนายเกียรติศักดิ์ ทำอย่างอื่นด้วยหรือไม่ ต้องเรียกให้ทุกคนให้กำลังใจนายเกียรติศักดิ์ และให้กำลังใจพวกตนด้วย ทั้งนี้ได้ให้เงินอัดฉีดนายเกียรติศักดิ์ไป 5 ล้านบาท และกำลังจะหาคนมาบริจาคอีกเป็นวงเงินจำนวนมากระหว่างแข่งขันตนก็ได้โทรศัพท์ให้กำลังใจไป วันนี้กีฬาเราก็ชนะอะไรก็เหมือนจะดีขึ้นอย่าไปเทียบปีนี้กับปีก่อน วันนี้โชคดีน้ำมันลง แต่จะให้ลดครึ่งราคาไม่ได้ทุกอย่างต้องมีเริ่มต้นแล้วไปจบลงตอนท้าย ส่วนการเมืองต้องรู้แพ้รู้ชนะด้วยกฎหมายตนพยายามไม่ให้มีข้อขัดแย้งเพิ่มเติม กระบวนการปรองดองก็ว่ากันไปตนไม่เข้าไปยุ้งแต่ตนเป็นคนรับผิดชอบก็ต้องฟังว่าเขาว่ากันอย่างไรเมื่อได้ข้อสรุปก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป
“ วันนั้นก็ดูฟุตบอลอยู่ก็เอาใจช่วย และต้องนึกถึงด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดพระเนตรอยู่และท่านทรงส่งข่าวไปตั้งแต่ตอนพักครึ่งแรกว่าเป็นกำลังใจให้ดูอย่าท้อแท้ให้มีสมาธิในการเล่น ไม่ได้รับสั่งว่า ต้องชนะเพราะท่านเป็นนักกีฬาจึงบอกให้ทุกคนมีสติเล่นด้วยความระมัดระวังวันนั้นคนมาเลเซียเขาเข้ามาเชียร์เป็นจำนวนมากสุดท้ายปรบมือให้เราเรียกว่าใจหล่อเราต้องรักประเทศรอบบ้านเพราะเศรษฐกิจจะแก้ไกลไม่ได้ ต้องเริ่มที่รอบบ้านก่อน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สุดท้ายพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า“ ใครไม่มีแฟนขอให้มีแฟนปีหน้าแล้วขอให้มีแฟนคนเดียวก็พอ ส่วนใครมีแฟนแล้วขอให้มีลูกในปีนี้ ”