ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์" ขอมอบหัวใจและชีวิต เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ขอให้ช่วยกันทำให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน พร้อมคิกออฟโครงการร่วมมือภาคเอกชน "เทใจ คืนสุข สู่ประชาชน" จัดกิจกรรมลดราคาสินค้ากว่าหมื่นสาขา 24-30 ธ.ค.นี้ คาดมีเงินสะพัดกว่า 5 หมื่นล้านบาท ช่วยลดค่าครองชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจ บุกเซอร์ไพร์สนักข่าวทำเนียบ ร้องเพลงขอใจแลกเบอร์โทร ยันไม่เป็นศัตรูสื่อ ขออโหสิกรรม ปีใหม่ เริ่มต้นกันใหม่
วานนี้ (24 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานพิธีเปิดงานการลดราคาจำหน่ายสินค้าเป็นของขวัญให้ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยรัฐบาลร่วมกับภาคเอกชน จัดงานลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ภายใต้ชื่อ "เทใจ คืนสุข สู่ประชาขน" ในทุกสาขาของห้างสรรพสินค้า ทั้งค้าปลีก และค้าส่ง และร้านค้าสะดวกซื้อ รวมทั้งหมด 12,800 สาขา เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ระหว่างวันที่ 24-30 ธ.ค.2557 รวมระยะเวลา 7 วัน
โดยโครงการนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความปรองดองของประเทศ และเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกในประเทศไทย ที่ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค รายใหญ่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมค้าปลีก ค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ร่วมมือกันสร้างบรรยากาศแห่งความสุข ในการนำสินค้ามาลดราคาให้แก่ประชาชน อาทิ กลุ่มซีพี กลุ่มไทยเบฟฯ กลุ่มสหพัฒน์ กลุ่มเซ็นทรัล โรบินสัน บิ๊กซี แมคโคร โลตัส เป็นต้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าการจัดงานลดราคาสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน จะมียอดขายสินค้ากว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะสร้างความสุขและลดค่าครองชีพให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่แล้ว ยังสร้างบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย กระตุ้นเศรษฐกิจให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มมากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การลดราคาสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ถือเป็นของขวัญที่ภาคเอกชนร่วมมือกับรัฐบาล และอยากเห็นการดำเนินการในลักษณะแบบนี้ เพราะเป็นประวัติศาสตร์ที่ดี และอยากให้มีบ่อยๆ ซึ่งรัฐบาลไม่ได้ทำเพียงเท่านี้ แต่จะต้องทำทุกอย่างทั้งระยะสั้น และระยะยาว ชั่วคราว และยั่งยืน
**มอบหัวใจและชีวิตให้เป็นของขวัญ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงของขวัญปีใหม่ จะมีอะไรเซอร์ไพร์สประชาชนหรือไม่ว่า ตนเหลือแต่ชีวิต และหัวใจเท่านั้น ที่จะให้ ถ้าให้ก็ตาย แต่พร้อมจะให้ ทุกวันนี้ก็ให้ ไปไหนก็นึกถึงแต่ประเทศไทย นึกถึงแต่คนไทย นึกถึงแต่หน้าตาพวกเรา ให้มีสง่า มีศักดิ์ศรีในต่างประเทศ ให้เขาอยากค้าขาย อยากลงทุนด้วย
เมื่อถามว่า ความรู้สึกนายกฯ คิดว่าได้ใจประชาชนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้สิ ไม่ได้ก็บ้าแล้ว มันต้องมีความรู้สึกที่ดี ที่อยากจะทำให้อยู่
โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอวยพรประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า ในนามของรัฐบาล และข้าราชการทุกคน ซึ่งถือว่าประชาชนเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ การทำงานของรัฐบาลเราได้กำหนดวิสัยทัศน์ไปแล้ว และวันนี้ เราจะทำของขวัญปีใหม่หลายอย่าง โดยเฉพาะการค้า การขายที่ลดราคา ถือเป็นมาตรการชั่วคราว แต่ที่สำคัญคือ รัฐบาลได้เตรียมของขวัญระยะยาว ว่าจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นอย่างไร ซึ่งตนได้กำหนดวิชั่นของประเทศปี 2015-2020 ว่า ประเทศไทยต้องเป็นประเทศที่มั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน เพราะฉะนั้นทุกกระทรวง ทบวง กรม ทั้งภาครัฐและเอกชน ต้องเอาสิ่งที่พูด 3 อย่างนี้ ไปขับเคลื่อนให้ได้
"ในช่วงปีใหม่นี้ ผมขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เดชะพระบารมีอันแผ่ไพศาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ซึ่งเป็นสิ่งที่พสกนิกรเราเคารพนับถือ ขอให้ทุกคนมีความสุขในปี 2558 ทุกคน ทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกศาสนา และขอให้ช่วยกันเดินหน้าประเทศไทยตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ ว่าประเทศไทยต้องมั่นคง และมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ถึงปี 2020 เพื่อให้สอดคล้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระหว่างประชาคมโลก ซึ่งปีหน้าเราจะเข้าเออีซีแล้ว รัฐบาลนี้มีเวลาแค่ปีเดียว เพราะฉะนั้นต้องช่วยกัน อะไรที่เป็นปัญหาก็เอาเข้ากระบวนการและอย่าไปขยายความขัดแย้ง สิ่งดีๆ ขยายให้คนที่จะสร้างความดี และรังเกียจความไม่ดี"นายกรัฐมนตรีกล่าว
**ร่วมสังสรรค์กับผู้สื่อข่าวทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลได้จัดงานเลี้ยงปีใหม่ขึ้น โดยมีการจัดอาหารมารับประทาน และแลกของขวัญกันเอง โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาร่วมรับประทานอาหาร พร้อมกับพูดจาหยอกล้อกับบรรดาผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี พร้อมบอกว่า วันนี้ขอให้เรียกว่าพี่ แต่ขอให้เรียกวันเดียวเท่านั้นนะ
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้สื่อข่าวสายทหารรู้จักตนดี มาสายทำเนียบก็เป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ตนก็มีความปรารถนาดี ตั้งใจทำงาน ไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับใคร แต่บางครั้งอะไรมากเกินไป เราก็ต้องชี้แจง จะบอกว่าเป็นนายกฯ แล้วโมโหไม่ได้ เพราะเวลาทำ บางครั้งก็ไม่เกิดผลผลิตออกมาทันที มันก็ต้องรอ คนเราก็ต้องมีอารมณ์บ้าง เราต้องสร้างมิติใหม่ของพวกเราให้ประเทศชาติมั่นคง วันนี้ถือเป็นวันปีใหม่ ดังนั้น อะไรก็ตามที่ทำให้ประเทศชาติไปข้างหน้า ตนก็ยินดีทำ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบพระพุทธเมตตาเสนานาถให้กับผู้สื่อข่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายกฯ ร้องเพลงขอใจแลกเบอร์โทร ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ร้องเพลงวันนั้น เพราะผู้นำประเทศลาวขึ้นไปก่อน บอกไปว่า ให้มีเพลงของแต่ละประเทศ ก็นึกว่าประเทศไทยไม่ต้องร้อง ทุกคนเขามีความสุขกัน เมื่อเขาร้องเพลงนี้ เราก็ฟังบ่อยมีเนื้อมาก็ร้อง และประเทศในภูมิภาคนี้ เราก็รู้จักกัน จากนั้นผู้สื่อข่าวขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ร้องเพลง “ขอใจแลกเบอร์โทร” ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ร่วมร้องเพลงดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วย
"ขอให้ทุกคนมีความสุข สิ่งใดก็ตามที่ผมในนามของรัฐบาลที่ล่วงล้ำไปบ้าง ก็ขออภัย ขออโหสิกรรม ให้ลืมๆ กันไป ปีใหม่เริ่มกันใหม่ ถ้าเราคุยให้สอดคล้องกันว่าคิดอะไรแล้วตรวจสอบทีละขั้นละตอนไม่ห่วง แต่ถ้ากำลังทำอยู่แล้วมาตำหนิกัน บางทีไม่เป็นกำลังใจ ผมก็อยากอธิบาย ให้ไปกันได้ ถ้าหงุดหงิดกันแล้วไปกันไม่ได้"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว พร้อมกับเรียกหานางยุวดี ธัญญศิริ ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับบอกว่า เป็นพี่ที่ตนเคารพ เป็นภรรยารุ่นพี่
** ขอให้คนไทยมีความปรองดอง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากนี้ไปประเทศชาติต้องยั่งยืน ตอนนี้ยังเป็นห่วงอยู่ ชีวิตและจิตใจของพวกตน มอบให้กับประเทศไทยและคนไทย ไม่เช่นนั้นไม่ออกมาทำอย่างนี้หรอก ไม่ต้องการอะไรอยู่แล้ว แต่เป็นห่วงประเทศชาติ ของขวัญที่อยากจะขอคนไทยทั้งประเทศ คือ ทำอย่างไรให้ประเทศชาติก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความเข้มแข็งให้ประเทศไทย แล้วมีความยั่งยืน ลดความเหลี่ยมล้ำความแตกต่างให้ทุกคนอยู่พอกันพอใช้ ซึ่งต้องใช้เวลามากพอสมควร
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ เรียกศรัทธาคนไทยให้ได้อย่างที่ “ซิโก้” นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอล ทีมชาติไทยทำได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องเรียกให้ทุกคนให้กำลังใจ นายเกียรติศักดิ์ และให้กำลังใจพวกตนด้วย
ทั้งนี้ ได้ให้เงินอัดฉีดนายเกียรติศักดิ์ไป 5 ล้านบาท และกำลังจะหาคนมาบริจาคอีกเป็นวงเงินจำนวนมาก ระหว่างแข่งขัน ตนก็ได้โทรศัพท์ให้กำลังใจไป วันนี้กีฬาเราก็ชนะ อะไรก็เหมือนจะดีขึ้น อย่าไปเทียบปีนี้กับปีก่อน วันนี้โชคดีน้ำมันลง แต่จะให้ลดครึ่งราคาไม่ได้ ทุกอย่างต้องมีเริ่มต้นแล้วไปจบลงตอนท้าย ส่วนการเมืองต้องรู้แพ้รู้ชนะด้วยกฎหมาย ตนพยายามไม่ให้มีข้อขัดแย้งเพิ่มเติม กระบวนการปรองดอง ก็ว่ากันไป ตนไม่เข้าไปยุ้ง แต่ตนเป็นคนรับผิดชอบก็ต้องฟังว่าเขาว่ากันอย่างไร เมื่อได้ข้อสรุปก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป
"วันนั้นก็ดูฟุตบอลอยู่ ก็เอาใจช่วย และต้องนึกถึงด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดพระเนตรอยู่ และท่านทรงส่งข่าวไปตั้งแต่ตอนพักครึ่งแรกว่า เป็นกำลังใจให้ ดูอยู่ อย่าท้อแท้ให้มีสมาธิในการเล่น ไม่ได้รับสั่งว่าต้องชนะ เพราะท่านเป็นนักกีฬา จึงบอกให้ทุกคนมีสติเล่นด้วยความระมัดระวัง วันนั้นคนมาเลเซียเขาเข้ามาเชียร์เป็นจำนวนมาก สุดท้ายปรบมือให้เรา เรียกว่า ใจหล่อ เราต้องรักประเทศรอบบ้าน เพราะเศรษฐกิจจะแก้ไกลไม่ได้ ต้องเริ่มที่รอบบ้านก่อน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ใครไม่มีแฟน ขอให้มีแฟนปีหน้า แล้วขอให้มีแฟนคนเดียวก็พอ ส่วนใครมีแฟนแล้ว ขอให้มีลูกในปีนี้"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพูดคุยและร่วมรับประทานอาหาร นายกรัฐมนตรีได้กลับขึ้นไปทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งระหว่างทางผู้สื่อข่าวและช่างภาพได้ขอถ่ายหมู่เป็นที่ระลึก บางก็ขอถ่ายเซลฟี่ อย่างเป็นกันเอง
วานนี้ (24 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานพิธีเปิดงานการลดราคาจำหน่ายสินค้าเป็นของขวัญให้ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยรัฐบาลร่วมกับภาคเอกชน จัดงานลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ภายใต้ชื่อ "เทใจ คืนสุข สู่ประชาขน" ในทุกสาขาของห้างสรรพสินค้า ทั้งค้าปลีก และค้าส่ง และร้านค้าสะดวกซื้อ รวมทั้งหมด 12,800 สาขา เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ระหว่างวันที่ 24-30 ธ.ค.2557 รวมระยะเวลา 7 วัน
โดยโครงการนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความปรองดองของประเทศ และเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกในประเทศไทย ที่ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค รายใหญ่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมค้าปลีก ค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ร่วมมือกันสร้างบรรยากาศแห่งความสุข ในการนำสินค้ามาลดราคาให้แก่ประชาชน อาทิ กลุ่มซีพี กลุ่มไทยเบฟฯ กลุ่มสหพัฒน์ กลุ่มเซ็นทรัล โรบินสัน บิ๊กซี แมคโคร โลตัส เป็นต้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าการจัดงานลดราคาสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน จะมียอดขายสินค้ากว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะสร้างความสุขและลดค่าครองชีพให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่แล้ว ยังสร้างบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย กระตุ้นเศรษฐกิจให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มมากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การลดราคาสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ถือเป็นของขวัญที่ภาคเอกชนร่วมมือกับรัฐบาล และอยากเห็นการดำเนินการในลักษณะแบบนี้ เพราะเป็นประวัติศาสตร์ที่ดี และอยากให้มีบ่อยๆ ซึ่งรัฐบาลไม่ได้ทำเพียงเท่านี้ แต่จะต้องทำทุกอย่างทั้งระยะสั้น และระยะยาว ชั่วคราว และยั่งยืน
**มอบหัวใจและชีวิตให้เป็นของขวัญ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงของขวัญปีใหม่ จะมีอะไรเซอร์ไพร์สประชาชนหรือไม่ว่า ตนเหลือแต่ชีวิต และหัวใจเท่านั้น ที่จะให้ ถ้าให้ก็ตาย แต่พร้อมจะให้ ทุกวันนี้ก็ให้ ไปไหนก็นึกถึงแต่ประเทศไทย นึกถึงแต่คนไทย นึกถึงแต่หน้าตาพวกเรา ให้มีสง่า มีศักดิ์ศรีในต่างประเทศ ให้เขาอยากค้าขาย อยากลงทุนด้วย
เมื่อถามว่า ความรู้สึกนายกฯ คิดว่าได้ใจประชาชนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้สิ ไม่ได้ก็บ้าแล้ว มันต้องมีความรู้สึกที่ดี ที่อยากจะทำให้อยู่
โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอวยพรประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า ในนามของรัฐบาล และข้าราชการทุกคน ซึ่งถือว่าประชาชนเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ การทำงานของรัฐบาลเราได้กำหนดวิสัยทัศน์ไปแล้ว และวันนี้ เราจะทำของขวัญปีใหม่หลายอย่าง โดยเฉพาะการค้า การขายที่ลดราคา ถือเป็นมาตรการชั่วคราว แต่ที่สำคัญคือ รัฐบาลได้เตรียมของขวัญระยะยาว ว่าจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นอย่างไร ซึ่งตนได้กำหนดวิชั่นของประเทศปี 2015-2020 ว่า ประเทศไทยต้องเป็นประเทศที่มั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน เพราะฉะนั้นทุกกระทรวง ทบวง กรม ทั้งภาครัฐและเอกชน ต้องเอาสิ่งที่พูด 3 อย่างนี้ ไปขับเคลื่อนให้ได้
"ในช่วงปีใหม่นี้ ผมขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เดชะพระบารมีอันแผ่ไพศาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ซึ่งเป็นสิ่งที่พสกนิกรเราเคารพนับถือ ขอให้ทุกคนมีความสุขในปี 2558 ทุกคน ทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกศาสนา และขอให้ช่วยกันเดินหน้าประเทศไทยตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ ว่าประเทศไทยต้องมั่นคง และมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ถึงปี 2020 เพื่อให้สอดคล้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระหว่างประชาคมโลก ซึ่งปีหน้าเราจะเข้าเออีซีแล้ว รัฐบาลนี้มีเวลาแค่ปีเดียว เพราะฉะนั้นต้องช่วยกัน อะไรที่เป็นปัญหาก็เอาเข้ากระบวนการและอย่าไปขยายความขัดแย้ง สิ่งดีๆ ขยายให้คนที่จะสร้างความดี และรังเกียจความไม่ดี"นายกรัฐมนตรีกล่าว
**ร่วมสังสรรค์กับผู้สื่อข่าวทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลได้จัดงานเลี้ยงปีใหม่ขึ้น โดยมีการจัดอาหารมารับประทาน และแลกของขวัญกันเอง โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาร่วมรับประทานอาหาร พร้อมกับพูดจาหยอกล้อกับบรรดาผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี พร้อมบอกว่า วันนี้ขอให้เรียกว่าพี่ แต่ขอให้เรียกวันเดียวเท่านั้นนะ
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้สื่อข่าวสายทหารรู้จักตนดี มาสายทำเนียบก็เป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ตนก็มีความปรารถนาดี ตั้งใจทำงาน ไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับใคร แต่บางครั้งอะไรมากเกินไป เราก็ต้องชี้แจง จะบอกว่าเป็นนายกฯ แล้วโมโหไม่ได้ เพราะเวลาทำ บางครั้งก็ไม่เกิดผลผลิตออกมาทันที มันก็ต้องรอ คนเราก็ต้องมีอารมณ์บ้าง เราต้องสร้างมิติใหม่ของพวกเราให้ประเทศชาติมั่นคง วันนี้ถือเป็นวันปีใหม่ ดังนั้น อะไรก็ตามที่ทำให้ประเทศชาติไปข้างหน้า ตนก็ยินดีทำ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบพระพุทธเมตตาเสนานาถให้กับผู้สื่อข่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายกฯ ร้องเพลงขอใจแลกเบอร์โทร ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ร้องเพลงวันนั้น เพราะผู้นำประเทศลาวขึ้นไปก่อน บอกไปว่า ให้มีเพลงของแต่ละประเทศ ก็นึกว่าประเทศไทยไม่ต้องร้อง ทุกคนเขามีความสุขกัน เมื่อเขาร้องเพลงนี้ เราก็ฟังบ่อยมีเนื้อมาก็ร้อง และประเทศในภูมิภาคนี้ เราก็รู้จักกัน จากนั้นผู้สื่อข่าวขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ร้องเพลง “ขอใจแลกเบอร์โทร” ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ร่วมร้องเพลงดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วย
"ขอให้ทุกคนมีความสุข สิ่งใดก็ตามที่ผมในนามของรัฐบาลที่ล่วงล้ำไปบ้าง ก็ขออภัย ขออโหสิกรรม ให้ลืมๆ กันไป ปีใหม่เริ่มกันใหม่ ถ้าเราคุยให้สอดคล้องกันว่าคิดอะไรแล้วตรวจสอบทีละขั้นละตอนไม่ห่วง แต่ถ้ากำลังทำอยู่แล้วมาตำหนิกัน บางทีไม่เป็นกำลังใจ ผมก็อยากอธิบาย ให้ไปกันได้ ถ้าหงุดหงิดกันแล้วไปกันไม่ได้"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว พร้อมกับเรียกหานางยุวดี ธัญญศิริ ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับบอกว่า เป็นพี่ที่ตนเคารพ เป็นภรรยารุ่นพี่
** ขอให้คนไทยมีความปรองดอง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากนี้ไปประเทศชาติต้องยั่งยืน ตอนนี้ยังเป็นห่วงอยู่ ชีวิตและจิตใจของพวกตน มอบให้กับประเทศไทยและคนไทย ไม่เช่นนั้นไม่ออกมาทำอย่างนี้หรอก ไม่ต้องการอะไรอยู่แล้ว แต่เป็นห่วงประเทศชาติ ของขวัญที่อยากจะขอคนไทยทั้งประเทศ คือ ทำอย่างไรให้ประเทศชาติก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความเข้มแข็งให้ประเทศไทย แล้วมีความยั่งยืน ลดความเหลี่ยมล้ำความแตกต่างให้ทุกคนอยู่พอกันพอใช้ ซึ่งต้องใช้เวลามากพอสมควร
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ เรียกศรัทธาคนไทยให้ได้อย่างที่ “ซิโก้” นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอล ทีมชาติไทยทำได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องเรียกให้ทุกคนให้กำลังใจ นายเกียรติศักดิ์ และให้กำลังใจพวกตนด้วย
ทั้งนี้ ได้ให้เงินอัดฉีดนายเกียรติศักดิ์ไป 5 ล้านบาท และกำลังจะหาคนมาบริจาคอีกเป็นวงเงินจำนวนมาก ระหว่างแข่งขัน ตนก็ได้โทรศัพท์ให้กำลังใจไป วันนี้กีฬาเราก็ชนะ อะไรก็เหมือนจะดีขึ้น อย่าไปเทียบปีนี้กับปีก่อน วันนี้โชคดีน้ำมันลง แต่จะให้ลดครึ่งราคาไม่ได้ ทุกอย่างต้องมีเริ่มต้นแล้วไปจบลงตอนท้าย ส่วนการเมืองต้องรู้แพ้รู้ชนะด้วยกฎหมาย ตนพยายามไม่ให้มีข้อขัดแย้งเพิ่มเติม กระบวนการปรองดอง ก็ว่ากันไป ตนไม่เข้าไปยุ้ง แต่ตนเป็นคนรับผิดชอบก็ต้องฟังว่าเขาว่ากันอย่างไร เมื่อได้ข้อสรุปก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป
"วันนั้นก็ดูฟุตบอลอยู่ ก็เอาใจช่วย และต้องนึกถึงด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดพระเนตรอยู่ และท่านทรงส่งข่าวไปตั้งแต่ตอนพักครึ่งแรกว่า เป็นกำลังใจให้ ดูอยู่ อย่าท้อแท้ให้มีสมาธิในการเล่น ไม่ได้รับสั่งว่าต้องชนะ เพราะท่านเป็นนักกีฬา จึงบอกให้ทุกคนมีสติเล่นด้วยความระมัดระวัง วันนั้นคนมาเลเซียเขาเข้ามาเชียร์เป็นจำนวนมาก สุดท้ายปรบมือให้เรา เรียกว่า ใจหล่อ เราต้องรักประเทศรอบบ้าน เพราะเศรษฐกิจจะแก้ไกลไม่ได้ ต้องเริ่มที่รอบบ้านก่อน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ใครไม่มีแฟน ขอให้มีแฟนปีหน้า แล้วขอให้มีแฟนคนเดียวก็พอ ส่วนใครมีแฟนแล้ว ขอให้มีลูกในปีนี้"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพูดคุยและร่วมรับประทานอาหาร นายกรัฐมนตรีได้กลับขึ้นไปทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งระหว่างทางผู้สื่อข่าวและช่างภาพได้ขอถ่ายหมู่เป็นที่ระลึก บางก็ขอถ่ายเซลฟี่ อย่างเป็นกันเอง