ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”จับมือผู้ผลิต ห้าง ลดราคาสินค้าพร้อมกันทั้งประเทศ 7 วัน สูงสุด 70% วันที่ 24-30 ธ.ค.นี้ คาดยอดจับจ่ายใช้สอยทะลุ 5 หมื่นล้าน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโค้งสุดท้ายของปี และช่วยผู้บริโภคลดภาระด้านค่าครองชีพ สั่งกรมการค้าภายในวิเคราะห์ต้นทุนสินค้าจากดีเซลลด หากได้รับผลดี ก็ต้องลดราคาลงมาด้วย ด้านคมนาคมจ่อเรียกผู้ประกอบการรถโดยสารถก 22 ธ.ค.นี้ หาทางลดราคา พร้อมใช้พื้นที่คลังสินค้าดอนเมืองจูนมิเตอร์แท็กซี่ คาดได้วันละ 4-5 พันคัน
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงรายละเอียดการจัดทำโครงการลดราคาสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับผู้ผลิต ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกค้าส่ง และร้านสะดวกซื้อ จัดกิจกรรมลดราคาสินค้าพร้อมกันทุกสาขาทั่วประเทศประมาณ 12,800 สาขา ภายใต้ชื่องาน “เทใจ คืนสุข สู่ประชาชน” รวมระยะเวลา 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24-30 ธ.ค.2557 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ทุกฝ่ายได้เข้ามาร่วมมือกันอย่างแท้จริงในการปรับลดราคาสินค้าพร้อมกัน และลดราคาจำหน่ายสูงสุดถึง 70%
“เป็นครั้งแรกที่มีการลดราคาสินค้าพร้อมกันทั้งประเทศแบบนี้ ถือเป็นการสร้างความสุขให้กับประชาชนช่วงปีใหม่ ที่จะช่วยลดค่าครองชีพ สร้างบรรยากาศที่ดี ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ โดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดจากการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในช่วง 7 วันนี้ สูงถึง 5 หมื่นล้านบาท”
สำหรับภาคเอกชนที่เข้าร่วม ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย (ห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่) และสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ประมาณ 20 ราย ได้แก่ กลุ่มซีพี กลุ่มไทยเบฟ กลุ่มสหพัฒน์ กลุ่มเซ็นทรัล โรบินสัน เซน พาวเวอร์บาย ซุปเปอร์สปอต บีทูเอส โฮมเวิร์ค ไทวัสดุ ออฟฟิศเมท ท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ต เทสโก้โลตัส บิ๊กซี แม็คโคร เดอะมอลล์ ตั้งฮั่วเส็ง เซเว่นอีเลฟเว่น แฟมิลิมาร์ท ฟู้ดแลนด์ แม็คแวร์ลู เจซีมาร์ท ลอว์สัน 108 เป็นต้น
***มีสินค้านำมาลดราคาไม่ต่ำกว่า 100 ล้านชิ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า โครงการ "เทใจ คืนสุข สู่ประชาชน" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-30 ธ.ค.นี้ มีการประเมินว่าผู้ประกอบการจะนำสินค้ามาลดราคาไม่ต่ำ 100 ล้านชิ้น โดยเทสโก้ โลตัส นำสินค้าเข้าร่วมรายการประมาณ 40 ล้านชิ้น บิ๊กซี 20 ล้านชิ้น ส่วนที่เหลือในร้านสะดวกซื้อและห้างต่างๆ อีกหลายสิบล้านชิ้น ซึ่งมีทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนอน เครื่องใช้ในบ้าน ของขวัญและของตกแต่งบ้าน โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
***สั่งวิเคราะห์ต้นทุนสินค้าหลังดีเซลลด
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามการปรับลดราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในไปติดตามดูแลและทำการวิเคราะห์ต้นทุนสินค้าว่ามีรายการใดบ้างที่ได้รับผลดีจากการลดลงของราคาน้ำมัน และหากพบว่ามีเปอร์เซ็นต์การลดลงที่สมควรแก่การปรับลดราคาสินค้าลงมา ก็จะเชิญผู้ผลิตเข้ามาหารือกัน แต่เบื้องต้นพบว่าปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่ลดลง ไม่ได้ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนปรับลดลงมากนัก
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้ติดตามการปรับลดราคาน้ำมันดีเซลอย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ได้ปรับลดลงมาแล้วประมาณลิตรละ 3 บาท ซึ่งคำนวณต้นทุนสินค้าแล้วพบว่าภาพรวมยังลดลงได้ไม่ถึง 1% โดยสินค้าที่ลดลงมาก ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่หนักและใช้การขนส่งขนาดใหญ่ เช่น ปูนซีเมนต์ เหล็ก วัสดุก่อสร้าง มีต้นทุนลดลงมาก แต่สินค้าที่มีขนาดเล็กและขนส่งได้ทีละมากๆ มีต้นทุนลดลงเล็กน้อย ซึ่งไม่ได้มากจนถึงขั้นจะต้องขอให้ปรับลดราคาลงมา แต่ถ้าต่อไปมีการลดราคาน้ำมันดีเซลจนถึงขั้นพบว่าต้นทุนลดลงจนจับต้องได้จริง ก็จะขอให้มีการลดราคาลงแน่นอน
***ขอร้องประชาชนอย่าซื้อสินค้าไปกักตุน
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ. ซีพีออลล์ กล่าวว่า อยากขอความร่วมมือประชาชนให้ซื้อสินค้าที่ลดราคาพิเศษเพียง 1ครอบครัวต่อ 1 ชิ้น เพื่อให้สินค้ามีการกระจายอย่างทั่วถึง เพราะกิจกรรมในครั้งนี้ สินค้ามีการลดราคามากกว่าทุกครั้ง โดยเซเว่นอีเลฟเว่น ได้นำสินค้าที่จำหน่ายปกติในร้านมาลดราคา 642 รายการ หรือคิดเป็นปริมาณสินค้ารวมหลายล้านชิ้น
นายกุฎาธาร นาควิโรจน์ ที่ปรึกษาบริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัทบิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ กล่าวว่า บิ๊กซีนำสินค้าประมาณ 20 ล้านชิ้นเข้าร่วมรายงานในการลดราคา 10-80% ในสินค้าทุกแผนก เพื่อคืนความสุขแก่ลูกค้า โดยสินค้าหลายๆ ประเภทสามารถซื้อได้ไม่อั้น แต่บิ๊กซีอาจมีการจำกัดการซื้อสินค้าในบางประเภทเพื่อกระจายให้ผู้บริโภคซื้อกันได้อย่างทั่วถึง
น.ส.สลิลลา สีหพันธุ์ รองประธานกรรมการฝ่ายกิจการ เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า โลตัสนำสินค้าประมาณ 40 ล้านชิ้นมาลดราคากว่า 1,800 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ไม่อั้น และยังมีสินค้าที่ซื้อ 1 แถมฟรี 1 หรือมีการลดราคาสูงสุด 70% เป็นต้น
***คมนาคมถกผู้ประกอบการลดค่าโดยสาร
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงแนวทางการปรับลดอัตราค่าโดยสารระบบขนส่งสาธารณะหลังราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงเหลือ 26.89 บาทต่อลิตร ว่า วันที่ 22 ธ.ค.นี้ จะเชิญผู้ประกอบการรถโดยสารมาหารือร่วมกัน โดยก่อนหน้านี้ ได้มอบหมายให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พิจารณาข้อมูลต้นทุนที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ประกอบการรถสาธารณะทุกประเภท ทั้งรถโดยสารขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ไปจนถึงรถจักรยานยนต์รับจ้าง มารับทราบนโยบายในภาพรวม เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อนเทศกาลปีใหม่นี้
***เริ่มปรับมิเตอร์แท็กซี่ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.
นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ หลังจากมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขบ.อยู่ระหว่างการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพตัวรถแท็กซี่ ซึ่งมีรถแท็กซี่มาตรวจสภาพแล้วประมาณ 45,000 คัน จากจำนวนรถแท็กซี่ที่ให้บริการทั้งหมดประมาณ 85,000 คัน โดยจะเร่งตรวจให้ได้ถึง 85% ภายในวันที่ 21 ธ.ค. และในวันที่ 22 ธ.ค. ขบ.จะเปิดให้รถแท็กซี่ที่ผ่านการตรวจสภาพรถแล้ว มาดำเนินการปรับมาตรค่าโดยสาร หรือมิเตอร์ ที่คลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมือง โดยการซีลตะกั่วที่มาตรค่าโดยสาร จะใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีต่อ1 คัน โดยจะสามารถปรับจูนมิเตอร์ได้ประมาณ 4,000-5,000 คันต่อวัน จากนั้น จะออกสติ๊กเกอร์รับรองคุณภาพ เพื่อแสดงถึงการผ่านการตรวจมาตรฐานคุณภาพบริการรถ และจะมีรถแท็กซี่มิเตอร์ที่ผ่านการตรวจสภาพรถแล้วทยอยปรับจูนมิเตอร์ คาดว่าจะภายในเดือนม.ค.2558 รถแท็กซี่จะปรับจูนมิเตอร์ครบทุกคัน แต่ขณะนี้ยังไม่มีรถแท็กซี่ทำการปรับจูนมิเตอร์ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงรายละเอียดการจัดทำโครงการลดราคาสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับผู้ผลิต ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกค้าส่ง และร้านสะดวกซื้อ จัดกิจกรรมลดราคาสินค้าพร้อมกันทุกสาขาทั่วประเทศประมาณ 12,800 สาขา ภายใต้ชื่องาน “เทใจ คืนสุข สู่ประชาชน” รวมระยะเวลา 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24-30 ธ.ค.2557 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ทุกฝ่ายได้เข้ามาร่วมมือกันอย่างแท้จริงในการปรับลดราคาสินค้าพร้อมกัน และลดราคาจำหน่ายสูงสุดถึง 70%
“เป็นครั้งแรกที่มีการลดราคาสินค้าพร้อมกันทั้งประเทศแบบนี้ ถือเป็นการสร้างความสุขให้กับประชาชนช่วงปีใหม่ ที่จะช่วยลดค่าครองชีพ สร้างบรรยากาศที่ดี ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ โดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดจากการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในช่วง 7 วันนี้ สูงถึง 5 หมื่นล้านบาท”
สำหรับภาคเอกชนที่เข้าร่วม ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย (ห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่) และสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ประมาณ 20 ราย ได้แก่ กลุ่มซีพี กลุ่มไทยเบฟ กลุ่มสหพัฒน์ กลุ่มเซ็นทรัล โรบินสัน เซน พาวเวอร์บาย ซุปเปอร์สปอต บีทูเอส โฮมเวิร์ค ไทวัสดุ ออฟฟิศเมท ท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ต เทสโก้โลตัส บิ๊กซี แม็คโคร เดอะมอลล์ ตั้งฮั่วเส็ง เซเว่นอีเลฟเว่น แฟมิลิมาร์ท ฟู้ดแลนด์ แม็คแวร์ลู เจซีมาร์ท ลอว์สัน 108 เป็นต้น
***มีสินค้านำมาลดราคาไม่ต่ำกว่า 100 ล้านชิ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า โครงการ "เทใจ คืนสุข สู่ประชาชน" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-30 ธ.ค.นี้ มีการประเมินว่าผู้ประกอบการจะนำสินค้ามาลดราคาไม่ต่ำ 100 ล้านชิ้น โดยเทสโก้ โลตัส นำสินค้าเข้าร่วมรายการประมาณ 40 ล้านชิ้น บิ๊กซี 20 ล้านชิ้น ส่วนที่เหลือในร้านสะดวกซื้อและห้างต่างๆ อีกหลายสิบล้านชิ้น ซึ่งมีทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนอน เครื่องใช้ในบ้าน ของขวัญและของตกแต่งบ้าน โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
***สั่งวิเคราะห์ต้นทุนสินค้าหลังดีเซลลด
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามการปรับลดราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในไปติดตามดูแลและทำการวิเคราะห์ต้นทุนสินค้าว่ามีรายการใดบ้างที่ได้รับผลดีจากการลดลงของราคาน้ำมัน และหากพบว่ามีเปอร์เซ็นต์การลดลงที่สมควรแก่การปรับลดราคาสินค้าลงมา ก็จะเชิญผู้ผลิตเข้ามาหารือกัน แต่เบื้องต้นพบว่าปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่ลดลง ไม่ได้ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนปรับลดลงมากนัก
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้ติดตามการปรับลดราคาน้ำมันดีเซลอย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ได้ปรับลดลงมาแล้วประมาณลิตรละ 3 บาท ซึ่งคำนวณต้นทุนสินค้าแล้วพบว่าภาพรวมยังลดลงได้ไม่ถึง 1% โดยสินค้าที่ลดลงมาก ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่หนักและใช้การขนส่งขนาดใหญ่ เช่น ปูนซีเมนต์ เหล็ก วัสดุก่อสร้าง มีต้นทุนลดลงมาก แต่สินค้าที่มีขนาดเล็กและขนส่งได้ทีละมากๆ มีต้นทุนลดลงเล็กน้อย ซึ่งไม่ได้มากจนถึงขั้นจะต้องขอให้ปรับลดราคาลงมา แต่ถ้าต่อไปมีการลดราคาน้ำมันดีเซลจนถึงขั้นพบว่าต้นทุนลดลงจนจับต้องได้จริง ก็จะขอให้มีการลดราคาลงแน่นอน
***ขอร้องประชาชนอย่าซื้อสินค้าไปกักตุน
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ. ซีพีออลล์ กล่าวว่า อยากขอความร่วมมือประชาชนให้ซื้อสินค้าที่ลดราคาพิเศษเพียง 1ครอบครัวต่อ 1 ชิ้น เพื่อให้สินค้ามีการกระจายอย่างทั่วถึง เพราะกิจกรรมในครั้งนี้ สินค้ามีการลดราคามากกว่าทุกครั้ง โดยเซเว่นอีเลฟเว่น ได้นำสินค้าที่จำหน่ายปกติในร้านมาลดราคา 642 รายการ หรือคิดเป็นปริมาณสินค้ารวมหลายล้านชิ้น
นายกุฎาธาร นาควิโรจน์ ที่ปรึกษาบริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัทบิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ กล่าวว่า บิ๊กซีนำสินค้าประมาณ 20 ล้านชิ้นเข้าร่วมรายงานในการลดราคา 10-80% ในสินค้าทุกแผนก เพื่อคืนความสุขแก่ลูกค้า โดยสินค้าหลายๆ ประเภทสามารถซื้อได้ไม่อั้น แต่บิ๊กซีอาจมีการจำกัดการซื้อสินค้าในบางประเภทเพื่อกระจายให้ผู้บริโภคซื้อกันได้อย่างทั่วถึง
น.ส.สลิลลา สีหพันธุ์ รองประธานกรรมการฝ่ายกิจการ เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า โลตัสนำสินค้าประมาณ 40 ล้านชิ้นมาลดราคากว่า 1,800 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ไม่อั้น และยังมีสินค้าที่ซื้อ 1 แถมฟรี 1 หรือมีการลดราคาสูงสุด 70% เป็นต้น
***คมนาคมถกผู้ประกอบการลดค่าโดยสาร
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงแนวทางการปรับลดอัตราค่าโดยสารระบบขนส่งสาธารณะหลังราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงเหลือ 26.89 บาทต่อลิตร ว่า วันที่ 22 ธ.ค.นี้ จะเชิญผู้ประกอบการรถโดยสารมาหารือร่วมกัน โดยก่อนหน้านี้ ได้มอบหมายให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พิจารณาข้อมูลต้นทุนที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ประกอบการรถสาธารณะทุกประเภท ทั้งรถโดยสารขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ไปจนถึงรถจักรยานยนต์รับจ้าง มารับทราบนโยบายในภาพรวม เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อนเทศกาลปีใหม่นี้
***เริ่มปรับมิเตอร์แท็กซี่ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.
นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ หลังจากมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขบ.อยู่ระหว่างการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพตัวรถแท็กซี่ ซึ่งมีรถแท็กซี่มาตรวจสภาพแล้วประมาณ 45,000 คัน จากจำนวนรถแท็กซี่ที่ให้บริการทั้งหมดประมาณ 85,000 คัน โดยจะเร่งตรวจให้ได้ถึง 85% ภายในวันที่ 21 ธ.ค. และในวันที่ 22 ธ.ค. ขบ.จะเปิดให้รถแท็กซี่ที่ผ่านการตรวจสภาพรถแล้ว มาดำเนินการปรับมาตรค่าโดยสาร หรือมิเตอร์ ที่คลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมือง โดยการซีลตะกั่วที่มาตรค่าโดยสาร จะใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีต่อ1 คัน โดยจะสามารถปรับจูนมิเตอร์ได้ประมาณ 4,000-5,000 คันต่อวัน จากนั้น จะออกสติ๊กเกอร์รับรองคุณภาพ เพื่อแสดงถึงการผ่านการตรวจมาตรฐานคุณภาพบริการรถ และจะมีรถแท็กซี่มิเตอร์ที่ผ่านการตรวจสภาพรถแล้วทยอยปรับจูนมิเตอร์ คาดว่าจะภายในเดือนม.ค.2558 รถแท็กซี่จะปรับจูนมิเตอร์ครบทุกคัน แต่ขณะนี้ยังไม่มีรถแท็กซี่ทำการปรับจูนมิเตอร์ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด