“บิ๊กตู่” หารือ “เหวียน เติ๊น สุง” นายกฯเวียดนาม ต่างเห็นพ้องใช้ประโยชน์จากเครือข่ายคมนาคม เพิ่มการสัญจรของประชาชนในภูมิภาค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ (20 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือกับ นายเหวียน เติ๊น สุง (Mr. Nguyen Tan Dung) นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ครั้งที่ 5 ณ โรงแรมแชงกรี-ลา
ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการหารือว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีต้อนรับนายกรัฐมนตรีเวียดนามเข้าร่วมการประชุม สำหรับความสัมพันธ์ไทยและเวียดนามนั้น ไทยและเวียดนามได้เห็นพ้องที่จะจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 3 โดยจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศทั้งสองหารือต่อไป
สำหรับความร่วมมือด้านการพัฒนาความเชื่อมโยง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งสองประเทศจะต้องใช้ประโยชน์จากเส้นทางคมนาคม ถนน ให้เกิดประโยชน์ในการเพิ่มการสัญจรของประชาชนของทั้งสองประเทศและภูมิภาค โดยจะมีการปรับปรุงทั้งถนน ด่าน และกฎระเบียบการข้ามแดน และยินดีที่เวียดนามเห็นชอบให้มีการบริการรถโดยสารระหว่างไทยและเวียดนาม
ความร่วมมือประมงนั้น แนวทางหนึ่งในแก้ไขปัญหาการลักลอบทำการประมง ทั้งสองฝ่ายยังจะเพิ่มความรู้ด้านกฎหมายแก่ชาวประมง ผู้ประกอบการการประมง และความเข้มงวดและจริงจังในการสกัดกั้นไม่ให้มีการทำผิดของเรือประมงในการรุกล้ำน่านน้ำของกันและกัน
สำหรับความร่วมมือด้านแรงงานนั้น ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยพิจารณาจดทะเบียนแรงงานเวียดนามที่ทำงานผิดกฎหมายในประเทศไทยแล้ว
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้กล่าวชื่นชมความสำเร็จของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด The 5th GMS Summit และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น เวียดนามพร้อมที่จะเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองประเทศจะได้กำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเวียดนามพูดคุยกับไทยในการพัฒนาและส่งเสริมการใช้เส้นทางถนนและการให้บริการรถโดยสารระหว่างไทยและเวียดนาม สำหรับความร่วมมือด้านการประมงนั้น เวียดนามเห็นพ้องแนวทางไทย โดยจะเร่งรัดการฝึกอบรมความรู้ด้านกฎหมายแก่ชาวประมงเวียดนาม เพื่อหลีกเลี่ยงการทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเวียดได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การดูแลแรงงานชาวเวียดนามในไทยเป็นอย่างดี ซึ่งไทยและเวียดนามต่างให้ความสำคัญและจะร่วมมือกันในการแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมายต่อไป