ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (19 ธ.ค.) ซึ่งเป็นการปิดในแดนบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับถ้อยแถลงในการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณว่า เฟดสามารถ "อดทนรอ" ในเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,804.80 จุด เพิ่มขึ้น 26.65 จุด หรือ +0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,765.38 จุด เพิ่มขึ้น 16.98 จุด หรือ +0.36% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,070.65 จุด เพิ่มขึ้น 9.42 จุด หรือ +0.46%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (19 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดสามารถอดทนรอในเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.2 ดอลลาร์ หรือ 0.10% ปิดที่ 1,196 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (19 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 2 ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดี
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 2.41 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 2.11 ดอลลาร์ ปิดที่ 61.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 3.0% ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 3.4% และดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้น 2.4%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกัน 3 วัน เนื่องจากนักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของเฟดในการประชุมครั้งล่าสุดที่ว่า เฟดสามารถ "อดทน" รอต่อไปได้อีก ในการปรับท่าทีด้านนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้นักลงทุนมองว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ในการประชุมครั้งนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มขึ้นคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐว่าจะขยายตัวในอัตรา 2.3-2.4% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย.ที่ระดับ 2-2.2% และได้คงคาดการณ์เศรษฐกิจในปีหน้าไว้ที่ระดับ 2.6-3% ส่วนในด้านตลาดแรงงานนั้น เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.8% ในปีนี้ และจะลดลงสู่ระดับ 5.2-5.3% ในปีหน้า
นอกจากนี่ ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอกชีย รวมถึงตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยเมื่อวานนี้ดัชนีนิกกเกอิพุ่งขึ้น 411.35 จุด หรือ 2.39% ขานรับถ้อยแถลงของเฟด และข่าวที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติคงนโยบายการเงินในการประชุมครั้งล่าสุด โดยระบุว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวปานกลาง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้าและเป็นที่จับตาของนักลงทุนนั้น รวมถึงดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนพ.ย., ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., จีดีพีขั้นสุดท้ายช่วงไตรมาส, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนธ.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,804.80 จุด เพิ่มขึ้น 26.65 จุด หรือ +0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,765.38 จุด เพิ่มขึ้น 16.98 จุด หรือ +0.36% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,070.65 จุด เพิ่มขึ้น 9.42 จุด หรือ +0.46%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (19 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดสามารถอดทนรอในเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.2 ดอลลาร์ หรือ 0.10% ปิดที่ 1,196 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (19 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 2 ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดี
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 2.41 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 2.11 ดอลลาร์ ปิดที่ 61.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 3.0% ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 3.4% และดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้น 2.4%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกัน 3 วัน เนื่องจากนักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของเฟดในการประชุมครั้งล่าสุดที่ว่า เฟดสามารถ "อดทน" รอต่อไปได้อีก ในการปรับท่าทีด้านนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้นักลงทุนมองว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ในการประชุมครั้งนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มขึ้นคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐว่าจะขยายตัวในอัตรา 2.3-2.4% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย.ที่ระดับ 2-2.2% และได้คงคาดการณ์เศรษฐกิจในปีหน้าไว้ที่ระดับ 2.6-3% ส่วนในด้านตลาดแรงงานนั้น เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.8% ในปีนี้ และจะลดลงสู่ระดับ 5.2-5.3% ในปีหน้า
นอกจากนี่ ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอกชีย รวมถึงตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยเมื่อวานนี้ดัชนีนิกกเกอิพุ่งขึ้น 411.35 จุด หรือ 2.39% ขานรับถ้อยแถลงของเฟด และข่าวที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติคงนโยบายการเงินในการประชุมครั้งล่าสุด โดยระบุว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวปานกลาง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้าและเป็นที่จับตาของนักลงทุนนั้น รวมถึงดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนพ.ย., ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., จีดีพีขั้นสุดท้ายช่วงไตรมาส, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนธ.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์