การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน "เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014" รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 "ช้างศึก" ทีมชาติไทย แชมป์ 3 สมัย ยกพลเยือน "เสือเหลือง" มาเลเซีย แชมป์ 1 สมัย ที่สนามบูกิต จาลิล กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ผลนัดแรก ไทย เล่นในสนามราชมังคลากีฬาสถาน ชนะมาก่อน 2-0 กุมความได้เปรียบไว้
เริ่มครึ่งแรก มาเลเซีย ได้จุดโทษอย่างรวดเร็ว จังหวะที่ สุทธินันท์ พุกหอม ปะทะกับ นอร์ชารุล ตาลาฮา กองหน้ามาเลเซีย กรรมการ ฟากานี โมฮัมหมัด ชาวอิหร่านเป่าจุดโทษ ท่ามกลางการประท้วงนักเตะไทยแต่ไม่เป็นผลตามระเบียบ ก่อนที่ ซาฟิก ราฮิม จะสังหารเข้าไป ในนาทีที่ 6 ให้ เสือเหลือง นำ 1-0 ซึ่งนี่เป็นจุดโทษหนที่ 4 ของมาเลเซีย ในรายการนี้แล้ว จากนั้น ไทย พยายามใช้เกมเร็วตอบโต้ นาทีที่ 13 พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา แบ๊กซ้าย เติมขึ้นมายิงไกล เฉี่ยวสามเหลี่ยมแบบมีเสียว ถึงนาทีที่ 22 เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ลากลุยไปซัดตรงตัว ฟาริซาล มาร์ลิอัส โกลคู่แข่ง ถึงนาทีที่ 32 ช้างศึกน่าทะลวงตาข่ายได้อย่างยิ่ง ชนาธิป สรงกระสินธ์ แทงไปทางขวาให้ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม เปิดผ่านหน้าปากประตูถึง เกริกฤทธิ์ ยิงหลุดกรอบน่าเสียดาย ด้าน เสือเหลือง ก็พยายามลุยเอาลูกที่ 2 นาทีที่ 40 ตาลาฮา ได้บอลในเขตโทษ กลับตัวยิงแฉลบกองหลังไทยออก กระทั่งช่วงทดเวลา มาเลเซีย ได้ลูกที่ 2 จนได้ จากการโหม่งของ อินทรา ปุตรา หมดครึ่งแรก มาเลเซีย นำ 2-0 รวมผล 2 นัด กลับมาเท่ากันที่ 2-2
ครึ่งหลัง นาทีที่ 48 ชนาธิป แทงให้ เกริกฤทธิ์ หลุดไปแต่งหนึ่งจังหวะ ก่อนยิงไปโดนแนวรับ มาเลเซีย ออกไป เกมมาถึงนาทีที่ 58 มาเลเซีย ได้ประตูที่ 3 ซาฟิก ราฮิม คนยิงประตูแรก ปั่นฟรีคิกบอลโค้งเสียบเสา เสือเหลือง ทิ้งห่าง 3-0 สกอร์รวม มาเลเซีย พลิกขึ้นนำ 3-2 ทำให้ "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือไทย ต้องแก้เกม ส่ง ศราวุธ มาสุข ลงแทน ประกิต ดีพร้อม 5 นาทีต่อมา อดิศักดิ์ ไกรษร ได้บอลในเขตโทษ พลิกตัวสังหารโดน มาเลเซีย ออกไป
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 81 ไทย มาได้ประตูที่ต้องการ จากฟรีคิก เกริกฤทธิ์ วิ่งหลอกให้ สารัช อยู่เย็น ปั่นโค้งไปโดน มาร์ลิอัส ปัด แต่ ชาริล ชัปปุยส์ ตามซ้ำดาบสองตุงตาข่าย ไทยไล่มา 1-3 รวมผล 2 นัด กลับมาเสมอ 3-3 แต่ถ้าจบตรงนี้ ไทย จะได้แชมป์ด้วยกฎประตูของทีมเยือน(อะเวย์โกล) ทว่าเท่านั้นไม่พอ ช้างศึก คึกไม่หยุด ได้ประตูที่ 2 นาทีที่ 87 อดิศักดิ์ ไหลเข้ากลางให้ ชนาธิป ยิงไกลบอลพุ่งตุงตาข่ายสวยงาม ไทย ไล่ 2-3 สกอร์รวมกลับมานำ 4-3 จากนั้น ไทย เปลี่ยนตัว อดุล หละโสะ ลงแทน สารัช เวลาที่เหลือ ทำอะไรไม่ได้ จบเกม มาเลเซีย ชนะ 3-2 แต่รวมผล 2 นัด ไทย ชนะ 4-3 คว้าแชมป์สำเร็จ
จากชัยชนะนัดนี้ทำให้ ช้างศึก ยุติการรอคอยแชมป์รายการนี้ที่ 12 ปี ซึ่งเป็นเจ้าอาเซียนครั้งที่ 4 หลังจากเคยทำได้ในปี 1996, 2000 และ 2002 ทำสถิติแชมป์สูงสุด 4 สมัย เทียบเท่า "ลอดช่อง" สิงคโปร์ ขณะที่ "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นคนแรกที่ได้แชมป์ทั้งในฐานะนักเตะ และโค้ช หลังจากเจ้าตัวเคยช่วยทีมไทย ครองถ้วยชนะเลิศทั้ง 3 ครั้งก่อนหน้านี้ สมัยที่ยังเป็นผู้เล่นทีมชาติ
หลังจบเกม "เมสซีเจ" ชนาธิป ยังสามารถผงาดคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม(MVP) ประจำทัวร์นาเมนท์มาครองได้ด้วยเช่นกันจากผลงานระดับมาสเตอร์พีซตลอด 7 นัดที่ผ่านมา พร้อมเงินรางวัล 1 หมื่นเหรียญสหรัฐ (ราว 3.2 แสนบาท)
ด้านเงินอัดฉีด ได้รวมทั้งสิ้น 25 ล้านบาท แบ่งเป็นจาก สมาคมฟุตบอลแห่ประเทศไทย 11.6 ล้านบาท, บจก.โหลทอง โฮลดิ้ง 7 ล้านบาท และรางวัลจากฝ่ายจัดการแข่งขัน 6.4 ล้านบาท
เริ่มครึ่งแรก มาเลเซีย ได้จุดโทษอย่างรวดเร็ว จังหวะที่ สุทธินันท์ พุกหอม ปะทะกับ นอร์ชารุล ตาลาฮา กองหน้ามาเลเซีย กรรมการ ฟากานี โมฮัมหมัด ชาวอิหร่านเป่าจุดโทษ ท่ามกลางการประท้วงนักเตะไทยแต่ไม่เป็นผลตามระเบียบ ก่อนที่ ซาฟิก ราฮิม จะสังหารเข้าไป ในนาทีที่ 6 ให้ เสือเหลือง นำ 1-0 ซึ่งนี่เป็นจุดโทษหนที่ 4 ของมาเลเซีย ในรายการนี้แล้ว จากนั้น ไทย พยายามใช้เกมเร็วตอบโต้ นาทีที่ 13 พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา แบ๊กซ้าย เติมขึ้นมายิงไกล เฉี่ยวสามเหลี่ยมแบบมีเสียว ถึงนาทีที่ 22 เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ลากลุยไปซัดตรงตัว ฟาริซาล มาร์ลิอัส โกลคู่แข่ง ถึงนาทีที่ 32 ช้างศึกน่าทะลวงตาข่ายได้อย่างยิ่ง ชนาธิป สรงกระสินธ์ แทงไปทางขวาให้ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม เปิดผ่านหน้าปากประตูถึง เกริกฤทธิ์ ยิงหลุดกรอบน่าเสียดาย ด้าน เสือเหลือง ก็พยายามลุยเอาลูกที่ 2 นาทีที่ 40 ตาลาฮา ได้บอลในเขตโทษ กลับตัวยิงแฉลบกองหลังไทยออก กระทั่งช่วงทดเวลา มาเลเซีย ได้ลูกที่ 2 จนได้ จากการโหม่งของ อินทรา ปุตรา หมดครึ่งแรก มาเลเซีย นำ 2-0 รวมผล 2 นัด กลับมาเท่ากันที่ 2-2
ครึ่งหลัง นาทีที่ 48 ชนาธิป แทงให้ เกริกฤทธิ์ หลุดไปแต่งหนึ่งจังหวะ ก่อนยิงไปโดนแนวรับ มาเลเซีย ออกไป เกมมาถึงนาทีที่ 58 มาเลเซีย ได้ประตูที่ 3 ซาฟิก ราฮิม คนยิงประตูแรก ปั่นฟรีคิกบอลโค้งเสียบเสา เสือเหลือง ทิ้งห่าง 3-0 สกอร์รวม มาเลเซีย พลิกขึ้นนำ 3-2 ทำให้ "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือไทย ต้องแก้เกม ส่ง ศราวุธ มาสุข ลงแทน ประกิต ดีพร้อม 5 นาทีต่อมา อดิศักดิ์ ไกรษร ได้บอลในเขตโทษ พลิกตัวสังหารโดน มาเลเซีย ออกไป
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 81 ไทย มาได้ประตูที่ต้องการ จากฟรีคิก เกริกฤทธิ์ วิ่งหลอกให้ สารัช อยู่เย็น ปั่นโค้งไปโดน มาร์ลิอัส ปัด แต่ ชาริล ชัปปุยส์ ตามซ้ำดาบสองตุงตาข่าย ไทยไล่มา 1-3 รวมผล 2 นัด กลับมาเสมอ 3-3 แต่ถ้าจบตรงนี้ ไทย จะได้แชมป์ด้วยกฎประตูของทีมเยือน(อะเวย์โกล) ทว่าเท่านั้นไม่พอ ช้างศึก คึกไม่หยุด ได้ประตูที่ 2 นาทีที่ 87 อดิศักดิ์ ไหลเข้ากลางให้ ชนาธิป ยิงไกลบอลพุ่งตุงตาข่ายสวยงาม ไทย ไล่ 2-3 สกอร์รวมกลับมานำ 4-3 จากนั้น ไทย เปลี่ยนตัว อดุล หละโสะ ลงแทน สารัช เวลาที่เหลือ ทำอะไรไม่ได้ จบเกม มาเลเซีย ชนะ 3-2 แต่รวมผล 2 นัด ไทย ชนะ 4-3 คว้าแชมป์สำเร็จ
จากชัยชนะนัดนี้ทำให้ ช้างศึก ยุติการรอคอยแชมป์รายการนี้ที่ 12 ปี ซึ่งเป็นเจ้าอาเซียนครั้งที่ 4 หลังจากเคยทำได้ในปี 1996, 2000 และ 2002 ทำสถิติแชมป์สูงสุด 4 สมัย เทียบเท่า "ลอดช่อง" สิงคโปร์ ขณะที่ "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นคนแรกที่ได้แชมป์ทั้งในฐานะนักเตะ และโค้ช หลังจากเจ้าตัวเคยช่วยทีมไทย ครองถ้วยชนะเลิศทั้ง 3 ครั้งก่อนหน้านี้ สมัยที่ยังเป็นผู้เล่นทีมชาติ
หลังจบเกม "เมสซีเจ" ชนาธิป ยังสามารถผงาดคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม(MVP) ประจำทัวร์นาเมนท์มาครองได้ด้วยเช่นกันจากผลงานระดับมาสเตอร์พีซตลอด 7 นัดที่ผ่านมา พร้อมเงินรางวัล 1 หมื่นเหรียญสหรัฐ (ราว 3.2 แสนบาท)
ด้านเงินอัดฉีด ได้รวมทั้งสิ้น 25 ล้านบาท แบ่งเป็นจาก สมาคมฟุตบอลแห่ประเทศไทย 11.6 ล้านบาท, บจก.โหลทอง โฮลดิ้ง 7 ล้านบาท และรางวัลจากฝ่ายจัดการแข่งขัน 6.4 ล้านบาท
