พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานในการมอบประกาศนียบัตรหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง หรือ นยปส.รุ่นที่ 5 ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
พล.อ.เปรม ได้กล่าวให้โอวาทตอนหนึ่งว่า "บ้านเมืองเรามีปัญหาอยู่สองอย่าง หนึ่ง คือความยากจน ซึ่งเป็นปัญหาของรัฐบาลที่ต้องแก้ไข แต่ไม่เร่งด่วนเท่ากับปัญหาที่สอง คือการฉ้อราษฏร์บังหลวง ที่ยังแก้ไขให้หายไปหรือมีน้อยลงได้ยาก เพราะต่างคนต่างคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ของตน ซึ่งถือเป็นความคิดที่ไม่รักชาติและไม่ร่วมกันพัฒนาประเทศ หรืออาจจะพูดว่าไม่รักชาติก็ได้
ขณะที่บางคนสอนให้ใช้คุณธรรม จริยธรรม หรือธรรมาภิบาลก็ใช้ได้ แต่ตนคิดว่ามันช้า อาจเรียกว่าช้าเกินไป ไม่ทันกับความเลวร้ายเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวง เราต้องทำตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่ดี เงยหน้ากล้าพูดยืดอกว่า ผมไม่โกง ดิฉันไม่โกง ต้องกล้าหาญพอที่จะพูด และทำให้ดูว่า สิ่งที่พูดได้ทำจริง โดยสรุปคือ เราต้องกล้าหาญไม่ยกมือไหว้คนโกงชาติ ไม่ว่าจะเป็นใคร เป็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงสนิทกัน แต่ถ้าได้มาเพราะโกง ก็ไม่จำเป็นต้องยกมือไหว้ อยากให้ทุกคนไปสอนคนอื่นให้เกลียดคนโกง ทำอย่างไรก็ได้ ขอให้ทุกคนเกลียดคนโกง เพราะเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่มีในชาติบ้านเมือง
พล.อ.เปรม กล่าวด้วยว่า การแก้ปัญหาทุจริตต้องใช้ความรวดเร็ว และรุนแรง ต้องทำคดีให้เร็ว ลงโทษรุนแรง มิเช่นนั้นอันดับการทุจริตของประเทศจะอยู่แค่นี้ กฎหมายต้องทำด้วยความรวดเร็ว และรุนแรงให้คนกลัวว่า เป็นการกระทำที่จะต้องติดคุกนานๆ แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่าคือ ความอับอายของชาติบ้านเมือง ถ้าประเทศได้รับความอับอาย จะปล่อยปละละเลยไม่ได้ เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องแก้ไขความอับอายของบ้านเมืองให้ได้ ถ้าไม่ช่วยกันทำเรื่องนี้ เราไม่รักชาติ ไม่ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ทำให้ชาติได้รับความอับอาย ตัวทุกคนอับอายไม่เป็นไร แต่ชาติได้รับความอับอาย เราต้องไม่ยอม ต้องทำให้ได้ว่า ชาติเราไม่โกง หรือโกงน้อย ให้ความโกงหายไปทีละน้อย และหายไปในที่สุด ด้วยความความพยายามและเสียสละของพวกเรา"
พล.อ.เปรม ได้กล่าวให้โอวาทตอนหนึ่งว่า "บ้านเมืองเรามีปัญหาอยู่สองอย่าง หนึ่ง คือความยากจน ซึ่งเป็นปัญหาของรัฐบาลที่ต้องแก้ไข แต่ไม่เร่งด่วนเท่ากับปัญหาที่สอง คือการฉ้อราษฏร์บังหลวง ที่ยังแก้ไขให้หายไปหรือมีน้อยลงได้ยาก เพราะต่างคนต่างคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ของตน ซึ่งถือเป็นความคิดที่ไม่รักชาติและไม่ร่วมกันพัฒนาประเทศ หรืออาจจะพูดว่าไม่รักชาติก็ได้
ขณะที่บางคนสอนให้ใช้คุณธรรม จริยธรรม หรือธรรมาภิบาลก็ใช้ได้ แต่ตนคิดว่ามันช้า อาจเรียกว่าช้าเกินไป ไม่ทันกับความเลวร้ายเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวง เราต้องทำตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่ดี เงยหน้ากล้าพูดยืดอกว่า ผมไม่โกง ดิฉันไม่โกง ต้องกล้าหาญพอที่จะพูด และทำให้ดูว่า สิ่งที่พูดได้ทำจริง โดยสรุปคือ เราต้องกล้าหาญไม่ยกมือไหว้คนโกงชาติ ไม่ว่าจะเป็นใคร เป็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงสนิทกัน แต่ถ้าได้มาเพราะโกง ก็ไม่จำเป็นต้องยกมือไหว้ อยากให้ทุกคนไปสอนคนอื่นให้เกลียดคนโกง ทำอย่างไรก็ได้ ขอให้ทุกคนเกลียดคนโกง เพราะเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่มีในชาติบ้านเมือง
พล.อ.เปรม กล่าวด้วยว่า การแก้ปัญหาทุจริตต้องใช้ความรวดเร็ว และรุนแรง ต้องทำคดีให้เร็ว ลงโทษรุนแรง มิเช่นนั้นอันดับการทุจริตของประเทศจะอยู่แค่นี้ กฎหมายต้องทำด้วยความรวดเร็ว และรุนแรงให้คนกลัวว่า เป็นการกระทำที่จะต้องติดคุกนานๆ แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่าคือ ความอับอายของชาติบ้านเมือง ถ้าประเทศได้รับความอับอาย จะปล่อยปละละเลยไม่ได้ เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องแก้ไขความอับอายของบ้านเมืองให้ได้ ถ้าไม่ช่วยกันทำเรื่องนี้ เราไม่รักชาติ ไม่ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ทำให้ชาติได้รับความอับอาย ตัวทุกคนอับอายไม่เป็นไร แต่ชาติได้รับความอับอาย เราต้องไม่ยอม ต้องทำให้ได้ว่า ชาติเราไม่โกง หรือโกงน้อย ให้ความโกงหายไปทีละน้อย และหายไปในที่สุด ด้วยความความพยายามและเสียสละของพวกเรา"