เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. พ.ต.ท.จักรพันธุ์ ธูปะเตมีย์ พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุพลุระเบิดที่บ้านเลขที่ 75 หมู่ 3 ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.เสริมคิด สุทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา กู้ภัยพระนครศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ที่เกิดเหตุเป็นโรงเรือนขนาด 3 คูณ 3 เมตร อยู่ห่างจากตัวบ้าน 20 เมตร ทำเป็นโรงงานผลิตประทัด กระจับ พลุ ดอกไม้ไฟขนาดย่อมๆ สภาพถูกแรงระเบิดมีเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหลัง จึงระดมกำลังฉีดน้ำดับเพลิงจนสงบ
ตรวจสอบจุดที่ห่างโรงเรือนประมาณ 1 เมตร พบหลุมระเบิด และมีเศษชิ้นส่วนมนุษย์และเสื้อผ้ากระจัดกระจายแหลกเละทั่วบริเวณ ทราบชื่อผู้ตายคือ น.ส.พิณ เสมอพัตร์ อายุ 49 ปี เจ้าของบ้าน และยังพบรถกระบะมิตซูบิชิ สีขาว ไม่ทราบทะเบียน เนื่องจากถูกแรงระเบิดเสียหายทั้งคัน และมีบ้านเรือนประชาชนใกล้เคียงเสียหายอีก 3 หลัง จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
พล.ต.ต.เสริมคิด เปิดเผยว่า บ้านหลังดังกล่าว ปกติพักอาศัยอยู่ 3 คน โดยลูกๆของผู้ตายจะออกไปทำงานในตอนกลางวัน ส่วนผู้ตายจะรับจ้างกรอกดินปืน ทำประทัด กระจับ และพลุ ต่างๆ โดยปลูกเป็นโรงเรือนห่างตัวบ้านแล้วนำวัตถุดิบมาทำที่โรงเรือนดังกล่าว ก่อนเกิดเหตุผู้ตายอยู่บ้านคนเดียว คาดว่ากำลังจะขนของซึ่งเป็นดินปืนมาเตรียมทำพลุตามปกติแต่เกิดผิดพลาด หรือเกิดประกายไฟ ทำให้ดินปืนระเบิดร่างแหลกเละดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดเจ้าหน้าที่จะประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ตรวจสอบจุดที่ห่างโรงเรือนประมาณ 1 เมตร พบหลุมระเบิด และมีเศษชิ้นส่วนมนุษย์และเสื้อผ้ากระจัดกระจายแหลกเละทั่วบริเวณ ทราบชื่อผู้ตายคือ น.ส.พิณ เสมอพัตร์ อายุ 49 ปี เจ้าของบ้าน และยังพบรถกระบะมิตซูบิชิ สีขาว ไม่ทราบทะเบียน เนื่องจากถูกแรงระเบิดเสียหายทั้งคัน และมีบ้านเรือนประชาชนใกล้เคียงเสียหายอีก 3 หลัง จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
พล.ต.ต.เสริมคิด เปิดเผยว่า บ้านหลังดังกล่าว ปกติพักอาศัยอยู่ 3 คน โดยลูกๆของผู้ตายจะออกไปทำงานในตอนกลางวัน ส่วนผู้ตายจะรับจ้างกรอกดินปืน ทำประทัด กระจับ และพลุ ต่างๆ โดยปลูกเป็นโรงเรือนห่างตัวบ้านแล้วนำวัตถุดิบมาทำที่โรงเรือนดังกล่าว ก่อนเกิดเหตุผู้ตายอยู่บ้านคนเดียว คาดว่ากำลังจะขนของซึ่งเป็นดินปืนมาเตรียมทำพลุตามปกติแต่เกิดผิดพลาด หรือเกิดประกายไฟ ทำให้ดินปืนระเบิดร่างแหลกเละดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดเจ้าหน้าที่จะประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง