พระนครศรีอยุธยา - ผบก.อยุธยา พร้อมกำลังตำรวจ ทหาร และหน่วยกู้ภัยเข้าตรวจจุดเกิดเหตุพลุระเบิดอีกรอบ พร้อมกระจายกำลังค้นหาเศษชิ้นส่วนผู้เสียชีวิต และหลักฐาน พร้อมสั่งกำชับ จนท.ต่อไปนี้ต้องตรวจสอบเข้ม ขณะที่ลูกสาวผู้เสียชีวิตเผยครอบครัวประกอบอาชีพผลิตพลุขายมานาน จนพ่อต้องตายจากเหตุพลุระเบิดแถมแม่ต้องมาตายตามในลักษณะเดียวกัน ยันนับแต่นี้เลิกทำเด็ดขาด
จากกรณีเกิดเหตุโรงงานพลุระเบิดที่บ้านเลขที่ 75 หมู่ 3 ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้ นางสายพิณ เสมอภักดิ์ อายุ 49 ปี เจ้าของบ้านเสียชีวิตร่างกายแหลก ชิ้นส่วนอวัยวะกระจัดกระจายไปทั่ว และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย นอกจากนี้ แรงระเบิดยังส่งผลทำให้บ้านเรือนประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเสียหายอีก 4 หลัง รถยนต์เสียหาย 3 คัน เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา
ต่อมา เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (14 ธ.ค.) พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย พ.ต.อ.อนุสรณ์ กัณวเศรษฐ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุะยา พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.จักรพันธุ์ ธูปเตมีย์ พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ร.อ.พีระพงษ พินิจรัตนพันธ์ ผู้บังคับชุดควบคุม กรมทหารที่ 4 รักษาพระองค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ
ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบ้านเลขที่ 75 หมู่ 3 ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยาอีกครั้งเพื่อสำรวจความเสียหายอย่างละเอียด พบถังเก็บสารเคมีจำนวนหลายถังกระจัดกระจายอยู่โดยรอบจุดเกิดเหตุ นอกจากนี้ ยังพบชิ้นส่วนกระจับ ประทัด ลูกไข่ก๋อง ดอกไม้ไฟจำนวนมากในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัย และทหารยังได้เดินเป็นหน้ากระดานเพื่อตามเก็บเก็บชิ้นเนื้อของนางสายพิณ ซึ่งกระจายไปติดตามต้นไม้ และรอบบริเวณ เพื่อรวบรวมนำไปตรวจพิสูจน์ยังกองพิสูจน์หลักฐาน
ส่วนบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุได้รับความเสียหาย 4 หลัง หลังคากระเบื้องแตกกระจัดกระจาย กระจกประตูหน้าต่างแตก ข้าวเครื่องใช้ในบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมด บ้านทั้งหมดเป็นญาติกับเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ
น.ส.อรพรรณ เสมอภักดิ์ อายุ 30 ปี ลูกสาวผู้ตาย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนอุ้มลูกสาวเดินเล่นอยู่บนบ้าน เห็นแม่เดินเข้าไปดูของในที่เกิดเหตุไม่รู้ว่าเข้าไปทำอะไร จากนั้นได้เกิดระเบิดขึ้น เศษกระจกบ้านกระเด็นมาถูกลูกสาวเป็นบาดแผลเย็บ 2 เข็มขณะนี้ปลอดภัยแล้ว
“เสียใจมาก ไม่อยากให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น การทำพลุประทัดเป็นอาชีพที่ทำต่อเนื่องกันมานาน พ่อได้เสียชีวิตไปในการทำพลุหลายปีก่อน จากนั้นได้หยุดทำไประยะหนึ่ง และได้กลับมาทำอีกครั้ง เนื่องจากมีรายได้ดีพอสมควร ส่วนการซื้อสารเคมีต่างๆ มาประกอบทำพลุประทัดนั้นไม่ทราบ เพราะแม่เป็นผู้จัดหา และซื้อมาทำทั้งหมด หลังจากนี้ ตนและครอบครัวคงเลิกอาชีพนี้โดยเด็ดขาด เพราะทำให้เสียพ่อแม่ไปกับการทำพลุประทัดแล้วถึง 2 คน คงต้องหันไปประกอบอาชีพอื่นแทน” น.ส.อรพรรณ กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานหาชิ้นส่วนผู้ตาย อุปกรณ์และสารเคมีประอบการทำพลุ ซึ่งได้หลักฐานพอสมควร โดยจุดที่เกิดเหตุเป็นการลักลอบการผลิตไม่มีใบอนุญาต
จากการได้สอบถามลูกสาวผู้ตาย ทราบว่า ขณะเกิดเหตุแม่ได้ประกอบไข่ก๋องใช้จุดไล่นก โดยก่อนหน้านี้ สามีของผู้ตายเคยทำพลุแล้วเกิดเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตมาแล้วหลายรายเมื่อหลายปีก่อน หลังจากนั้น ได้หยุดทำพลุไปหลายปี และกลับมาทำอีกครั้งช่วงเทศกาลใกล้ปีใหม่
“เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์ของชาวตำบลบ้านเกาะ ซึ่งหลายบ้านมีการประกอบอาชีพผลิตพลุประทัด เกิดเหตุระเบิดมาแล้วหลายครั้ง มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต ในส่วนของลูกสาวผู้ตายยืนยันว่า จะเลิกประกอบอาชีพนี้แล้ว”
พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวต่อว่า ต่อไปนี้จะต้องมีมาตรการในการป้องกันอย่างเข้มงวด ผู้ประกอบการผลิตพลุจะต้องได้รับอนุญาตในการผลิต เนื่องจากทุกวันนี้พบมีการลักลอบผลิตพลุกันเสียส่วนใหญ่ ซึ่งต่อไปเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้น และตนจะนำเรื่องนี้ไปหารือในระดับอำเภอ และจังหวัดเพื่อหามาตรการป้องกันต่อไป
“รู้สึกเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต บ้านเรือนที่เสียหายเป็นกลุ่มญาติของผู้เสียชีวิตทั้งหมด คดีนี้จบเพราะผู้เสียชีวิตเป็นผู้ที่กระทำให้เกิดการระเบิด ทางพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาต่อผู้เสียชีวิตในข้อหากระทำให้เกิดการระเบิด ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินของผู้อื่น มีสารประกอบวัตถุระเบิดอันเป็นเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ความเสียหายของบ้านเรือน ประชาชนมีสิทธิเรียกร้องในการชดใช้ต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตเป็นเรื่องที่จะต้องตกลงกันเพราะเป็นญาติพี่น้องกันทั้งหมด” พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าว