โฆษกข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ถึงกรณีนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของไทย 2 คน ถูกสังหารในพื้นที่ภาคใต้ จากการเคลื่อนไหวคัดค้านเหมืองแร่และที่ดินสวนปาล์ม โดยระบุว่า นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน 2 คน มีบทบาทในการตรวจสอบโครงการขนาดใหญ่ของเอกชนในพื้นที่ ว่าดำเนินงานถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยหนึ่งในนั้น คือนายพิธาน ทองพนัง ถูกยิงเสียชีวิตด้วยอาวุธปืนใน จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการต่อต้านโครงการเหมืองใน อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช และยังเป็นโจทก์หลักในคดีที่ศาลปกครองสั่งให้บริษัทที่เกี่ยวข้องยุติการดำเนินกิจการเหมืองชั่วคราวด้วย
ส่วนนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนอีกคนหนึ่งที่ระบุในแถลงการณ์ คือ นายสมสุข เกาะกลาง ถูกยิงเสียชีวิตในสวนปาล์มน้ำมันใน จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา ระหว่างเดินทางไปพบกับชาวบ้าน โดยนายสมสุข เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดินที่มีบทบาทสำคัญในการรณรงค์ตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายในการดำเนินการของสวนปาล์มน้ำมัน
ในแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา มีนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 35 คน ถูกสังหารด้วยวิธีการนอกกระบวนการยุติธรรมและถูกบังคับให้สูญหาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดินและสิทธิชุมชน ในขณะที่ผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารไม่ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมกับชี้ว่า ในสถานการณ์ที่ความยุติธรรมและความรับผิดชอบขาดหายไป ผู้กระทำผิดมีความกล้ามากขึ้น ในขณะที่นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนต้องทำงานในสภาวะแห่งความกลัวและความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัย
นอกจากนี้ แถลงการณ์ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ยังเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับตรวจสอบคดีการสังหารและการบังคับสูญหายของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนทำงานอย่างละเอียด ฉับพลัน และเป็นอิสระ รวมถึงเรียกร้องให้ทางการไทยมีมาตรการคุ้มครองนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะนักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดิน รวมถึงชุมชนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการขนาดใหญ่พึ่งพานักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐรับประกันความปลอดภัยของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน และรับประกันความปลอดภัยของชุมชนที่เคลื่อนไหวปกป้องสิทธิชุมชน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นและรวมตัวอย่างเป็นอิสระโดยปราศจากความกลัวในการถูกประหัตประหาร
ส่วนนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนอีกคนหนึ่งที่ระบุในแถลงการณ์ คือ นายสมสุข เกาะกลาง ถูกยิงเสียชีวิตในสวนปาล์มน้ำมันใน จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา ระหว่างเดินทางไปพบกับชาวบ้าน โดยนายสมสุข เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดินที่มีบทบาทสำคัญในการรณรงค์ตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายในการดำเนินการของสวนปาล์มน้ำมัน
ในแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา มีนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 35 คน ถูกสังหารด้วยวิธีการนอกกระบวนการยุติธรรมและถูกบังคับให้สูญหาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดินและสิทธิชุมชน ในขณะที่ผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารไม่ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมกับชี้ว่า ในสถานการณ์ที่ความยุติธรรมและความรับผิดชอบขาดหายไป ผู้กระทำผิดมีความกล้ามากขึ้น ในขณะที่นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนต้องทำงานในสภาวะแห่งความกลัวและความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัย
นอกจากนี้ แถลงการณ์ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ยังเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับตรวจสอบคดีการสังหารและการบังคับสูญหายของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนทำงานอย่างละเอียด ฉับพลัน และเป็นอิสระ รวมถึงเรียกร้องให้ทางการไทยมีมาตรการคุ้มครองนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะนักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดิน รวมถึงชุมชนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการขนาดใหญ่พึ่งพานักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐรับประกันความปลอดภัยของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน และรับประกันความปลอดภัยของชุมชนที่เคลื่อนไหวปกป้องสิทธิชุมชน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นและรวมตัวอย่างเป็นอิสระโดยปราศจากความกลัวในการถูกประหัตประหาร