ความคืบหน้ากรณ๊นายนพพร หรือ”เสี่ยนิค” ศุภพิพัฒน์ อายุ 43 ปี นักธุรกิจหมื่นล้าน ที่ตำรวจได้ออกหมายจับและลงพื้นที่ไล่ล่าตัวอยู่นั้น พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับรายงานการจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีได้เพิ่มเติม ส่วนกรณีนายนพพร ผู้ต้องหาจ้างวานกลุ่มผู้ต้องหาไปบังคับข่มขู่ผู้เสียหายให้ลดหนี้นั้น จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่านายนพพร เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า นายนพพร น่าจะหลบหนีออกจากประเทศกัมพูชา เดินทางไปยังประเทศที่ 3 โดยชุดสืบสวน บช.น.ตรวจสอบแล้วพบว่านายนพพร มีวีซ่าประเทศแคนาดา จึงอาจหาทางหลบหนีเข้าประเทศแคนาดาแล้วก็ได้
ด้าน พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล(ผบก.สส.บช.น.) ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนติดตามจับกุมนายนพพร เปิดเผยว่า นายนพพรยังไม่ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวแต่อย่างใด โดยชุดสืบสวนได้มีการประสานงานกับด่านตรวจคนเข้าเมือง หากพบนายนพพร เดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย ก็จะดำเนินการจับกุมทันที ในส่วนของนายเจี๊ยบ เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบชื่อสกุลจริง จึงทำได้แค่การออกหมายจับชายไทยตามภาพสเก็ตซ์เท่านั้น
ส่วน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การติดตามตัวนายนพพร ยังไม่คืบหน้า เนื่องจากบุคคลที่เราเคยติดต่ออยู่ขณะนี้ ติดต่อไม่ได้แล้ว รวมถึงนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ที่เกี่ยวพันกับเรื่องค้าน้ำมันเถื่อน ก็ยังไม่มีข้อมูล แม้จะมีคนพยายามโทรศัพท์เข้ามาแจ้งเบาะแส แต่เมื่อตรวจสอบกลับไปก็ยังไม่ตรงกับความจริง ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีนายตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน พยายามวิ่งเต้นเข้ามาเจรจาต่อรอง เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างต้องทำตามพยานหลักฐาน
รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.ต.ภคพงษ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 พ.ต.อ.ชุมพล พ่วงพวง รอง ผบก.น.5 พร้อมพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง และพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ร่วมประชุมตรวจสอบความเรียบร้อยสำนวนคดีจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ก่อเหตุกรรโชกทรัพย์ทวงหนี้ผู้เสียหาย 30 ล้านบาท และบังคับข่มขู่ให้ลดค่าเสียหายมูลค่า 120 ล้าน เหลือเพียง 20 ล้านบาท ตามที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ได้เร่งรัดให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนส่งสำนวนคดีที่ บช.น.รับผิดชอบ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พิจารณาตรวจสอบสำนวนโดยกำหนดไว้ไม่เกินวันที่ 10 ธันวาคม นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า นายนพพร น่าจะหลบหนีออกจากประเทศกัมพูชา เดินทางไปยังประเทศที่ 3 โดยชุดสืบสวน บช.น.ตรวจสอบแล้วพบว่านายนพพร มีวีซ่าประเทศแคนาดา จึงอาจหาทางหลบหนีเข้าประเทศแคนาดาแล้วก็ได้
ด้าน พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล(ผบก.สส.บช.น.) ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนติดตามจับกุมนายนพพร เปิดเผยว่า นายนพพรยังไม่ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวแต่อย่างใด โดยชุดสืบสวนได้มีการประสานงานกับด่านตรวจคนเข้าเมือง หากพบนายนพพร เดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย ก็จะดำเนินการจับกุมทันที ในส่วนของนายเจี๊ยบ เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบชื่อสกุลจริง จึงทำได้แค่การออกหมายจับชายไทยตามภาพสเก็ตซ์เท่านั้น
ส่วน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การติดตามตัวนายนพพร ยังไม่คืบหน้า เนื่องจากบุคคลที่เราเคยติดต่ออยู่ขณะนี้ ติดต่อไม่ได้แล้ว รวมถึงนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ที่เกี่ยวพันกับเรื่องค้าน้ำมันเถื่อน ก็ยังไม่มีข้อมูล แม้จะมีคนพยายามโทรศัพท์เข้ามาแจ้งเบาะแส แต่เมื่อตรวจสอบกลับไปก็ยังไม่ตรงกับความจริง ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีนายตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน พยายามวิ่งเต้นเข้ามาเจรจาต่อรอง เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างต้องทำตามพยานหลักฐาน
รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.ต.ภคพงษ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 พ.ต.อ.ชุมพล พ่วงพวง รอง ผบก.น.5 พร้อมพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง และพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ร่วมประชุมตรวจสอบความเรียบร้อยสำนวนคดีจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ก่อเหตุกรรโชกทรัพย์ทวงหนี้ผู้เสียหาย 30 ล้านบาท และบังคับข่มขู่ให้ลดค่าเสียหายมูลค่า 120 ล้าน เหลือเพียง 20 ล้านบาท ตามที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ได้เร่งรัดให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนส่งสำนวนคดีที่ บช.น.รับผิดชอบ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พิจารณาตรวจสอบสำนวนโดยกำหนดไว้ไม่เกินวันที่ 10 ธันวาคม นี้
