พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผู้บังคับการศูนย์สืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมนายนพพร ศุภพิพัฒน์ อายุ 43 ปี นักธุรกิจมหาเศรษฐีของเมืองไทย ที่ตกเป็นผู้ต้องหาจ้างวานใช้ญาติของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไปอุ้มผู้เสียหายและบังคับลดหนี้จาก 120,000,000 บาท เหลือ 20,000,000 บาท ล่าสุดได้รับรายงานว่า นายนพพร ยังคงอยู่ในประเทศกัมพูชา และยังไม่ได้รับการติดต่อขอมอบตัวแต่อย่างใด โดยชุดสืบสวนได้มีการประสานงานกับด่านตรวจคนเข้าเมือง หากพบนายนพพร เดินทางกลับเข้ามาประเทศไทยจะดำเนินการจับกุมทันที
ขณะที่ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า ได้เร่งให้ติดตามตัวนายนพพร และนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ นายทุนน้ำมันเถื่อนภาคใต้ โดยเฉพาะนายสหชัย มีบทบาทสำคัญในการจ่ายส่วยให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐแทบทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับน้ำมันเถื่อน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งในระดับรองผู้บังคับการและผู้กำกับการประจำปี 2557 ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้หารือกับ พล.ตท.ประวุฒิ เพื่อวางตัวผู้ที่เหมาะสมในตำแหน่งสำคัญของกองบัญชาตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อล้างบางขั้วอำนาจเก่าของอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ขณะที่ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า ได้เร่งให้ติดตามตัวนายนพพร และนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ นายทุนน้ำมันเถื่อนภาคใต้ โดยเฉพาะนายสหชัย มีบทบาทสำคัญในการจ่ายส่วยให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐแทบทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับน้ำมันเถื่อน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งในระดับรองผู้บังคับการและผู้กำกับการประจำปี 2557 ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้หารือกับ พล.ตท.ประวุฒิ เพื่อวางตัวผู้ที่เหมาะสมในตำแหน่งสำคัญของกองบัญชาตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อล้างบางขั้วอำนาจเก่าของอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง