เมื่ออวันที่ 25 พ.ย. ศาลจังหวัดหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ นัดพระเกษม อาจิณสีโล เจ้าสำนักสงฆ์สามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีถูกสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ และพนักงานอัยการจังหวัดหล่มสัก ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องว่า พระเกษม อาจิณสีโล มีพฤติกรรมดูหมิ่นเหยียดหยามพระพุทธรูป และศาสนา ด้วยการติดป้ายว่าไม่ต้องกราบพระพุทธรูป เพราะเป็นแค่วัตถุทองเหลืองเท่านั้น และยังใช้เท้าเหยียบฐานพระพุทธรูป และใช้มือตบที่พระพักตร์พระพุทธรูปด้วย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 พ.ค.51 คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้อง พนักงานอัยการจึงใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับให้พระเกษมมีความผิดตามฟ้อง พร้อมลงโทษทั้งจำคุกและปรับเป็นเงิน 20,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี พระเกษมจึงยื่นอุทธรณ์ศาลฎีกา โดยศาลฎีกาพิเคราะห์พยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงในคดี แล้วพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ แต่เนื่องจากผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์ มีเหตุบรรเทาโทษจึงไม่ต้องจำคุก แต่ให้ลงโทษปรับ 2 กระทง ๆ ละ 2,000 บาท รวมค่าปรับ 4,000 บาท แต่ให้ลดโทษค่าปรับกึ่งหนึ่งคงเหลือปรับเพียง 2,000 บาท
หลังฟังคำพิพากษา พระเกษม กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาสรุปว่า ไม่มีโทษจำคุก แต่มีโทษปรับ 2,000 บาท ครั้งที่แล้วถูกโทษปรับ 20,000 บาท มีลูกศิษย์ออกค่าปรับให้ ครั้งนี้ศาลให้เซ็นรับเงิน 20,000 บาทคืน แต่ตนไม่ขอเซ็นรับเงินคืน เนื่องจากผิดวินัยสงฆ์ และขอยืนยันว่า ยังคงเดินหน้าสั่งสอนลูกศิษย์ ให้ยึดพระธรรมวินัยจากพระไตรปิฎกต่อไปตามเดิม และขอฝากสื่อมวลชนว่าในการปฏิรูปแก้กฎหมายในครั้งนี้ให้เพิ่มข้อกฎหมายให้เจ้าหน้าที่รัฐมีสิทธิเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินของพระสงฆ์ที่มีทรัพย์สิน และเงินสดมากมาย ทั้งที่เป็นพระสงฆ์ อีกทั้งก่อนบวชก็ไม่มีทรัพย์สินอะไร มาจากลูกของชาวบ้านธรรมดา ๆ นี่เอง แต่พอมาบวชเป็นพระสงฆ์กลับมีทรัพย์สิน และเงินสดเก็บไว้อย่างมากมาย ขอสนับสนุนกฎหมายให้สามารถตรวจสอบทรัพย์สินของพระสงฆ์ได้
หลังจากนั้นพระเกษมได้นั่งรถยนต์ของลูกศิษย์ที่ขับตามกันไปเป็นขบวนไปยังพื้นที่โล่งในที่ดินของลูกศิษย์ เพื่อนั่งเฮลิคอปเตอร์ที่ลูกศิษย์ดำเนินการให้มาลงที่พื้นที่โล่งบริเวณที่ดินหลังอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง ต.น้ำชุน อ.หล่มสัก ทั้งมาส่งและรับกลับสำนักสงฆ์สามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์
หลังฟังคำพิพากษา พระเกษม กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาสรุปว่า ไม่มีโทษจำคุก แต่มีโทษปรับ 2,000 บาท ครั้งที่แล้วถูกโทษปรับ 20,000 บาท มีลูกศิษย์ออกค่าปรับให้ ครั้งนี้ศาลให้เซ็นรับเงิน 20,000 บาทคืน แต่ตนไม่ขอเซ็นรับเงินคืน เนื่องจากผิดวินัยสงฆ์ และขอยืนยันว่า ยังคงเดินหน้าสั่งสอนลูกศิษย์ ให้ยึดพระธรรมวินัยจากพระไตรปิฎกต่อไปตามเดิม และขอฝากสื่อมวลชนว่าในการปฏิรูปแก้กฎหมายในครั้งนี้ให้เพิ่มข้อกฎหมายให้เจ้าหน้าที่รัฐมีสิทธิเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินของพระสงฆ์ที่มีทรัพย์สิน และเงินสดมากมาย ทั้งที่เป็นพระสงฆ์ อีกทั้งก่อนบวชก็ไม่มีทรัพย์สินอะไร มาจากลูกของชาวบ้านธรรมดา ๆ นี่เอง แต่พอมาบวชเป็นพระสงฆ์กลับมีทรัพย์สิน และเงินสดเก็บไว้อย่างมากมาย ขอสนับสนุนกฎหมายให้สามารถตรวจสอบทรัพย์สินของพระสงฆ์ได้
หลังจากนั้นพระเกษมได้นั่งรถยนต์ของลูกศิษย์ที่ขับตามกันไปเป็นขบวนไปยังพื้นที่โล่งในที่ดินของลูกศิษย์ เพื่อนั่งเฮลิคอปเตอร์ที่ลูกศิษย์ดำเนินการให้มาลงที่พื้นที่โล่งบริเวณที่ดินหลังอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง ต.น้ำชุน อ.หล่มสัก ทั้งมาส่งและรับกลับสำนักสงฆ์สามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์