พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ทางกรมราชทัณฑ์ได้เสนอของบประมาณในการก่อสร้างเรือนจำเพิ่มทั่วประเทศจำนวน 40,000 ล้านบาท ว่า เกิดจากการที่ตนลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเรือนจำและได้มีการพูดคุยเรื่องปัญหาความแออัดของผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นแผนโครงการในอนาคตที่จะเสนอของบต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อสร้างเรือนจำทดแทนเรือนจำที่จะต้องมีการย้ายออกจากพื้นที่ใจกลางเมือง ตนเองเห็นว่าเป็นงบประมาณที่สูงเกินไป และจะต้องชี้แจงรายละเอียดให้ชัดเจน รวมทั้งไม่สามารถที่จะดำเนินการสร้างเรือนจำทุกแห่งพร้อมกัน ซึ่งจะต้องใช้เวลามากพอสมควร และเป็นการสร้างทีละแห่งสำหรับเรือนจำที่อยู่ใจกลางเมือง เพราะสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมของสถานที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตที่เริ่มก่อตั้งเรือนจำ
ทั้งนี้ เบื้องต้นตนได้เสนอเปลี่ยนแปลงให้ใช้งบดังกล่าวลดลงเหลือเพียง 15,000 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวจะดำเนินการร่วมกับกรมธนารักษ์
นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีแผนว่า จะมีการพิจารณาคัดแยกผู้ต้องขังคดียาเสพติด โดยจะมีการสร้างเรือนจำเฉพาะแยกขังสำหรับผู้ต้องขังคดียาเสพติด เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาความแออัดได้ เพราะขณะนี้นักโทษ 70 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนนักโทษทั้งหมด 320,000 คน เป็นผู้ทำผิดในคดียาเสพติด ขณะผู้ต้องขังอีก 30 เปอร์เซ็นต์ หรือจำนวน 80,000-90,000 คน เป็นนักโทษคดีอื่นๆ และยังมีผู้ต้องขังที่เป็นตัวเลขหมุนเวียนเข้าๆ ออกๆ หรือรอการประกันตัวรวมทั้งหมด 150,000 คนต่อปี
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ปัญหายาเสพติดในเรือนจำเป็นไปด้วยดีและปริมาณการตรวจพบลดลง เนื่องจากการเข้าไปตรวจค้นของทางเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจอยู่เป็นประจำในเรือนจำทั่วประเทศ
พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวอีกว่า เตรียมเสนออัตรากำลังเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์จำนวน 1,000 อัตราทั่วประเทศ โดยจะเฉลี่ยแบ่งเจ้าหน้าที่ไปตามเรือนจำต่างๆ จำนวน143 แห่งทั่วประเทศ
ทั้งนี้ เบื้องต้นตนได้เสนอเปลี่ยนแปลงให้ใช้งบดังกล่าวลดลงเหลือเพียง 15,000 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวจะดำเนินการร่วมกับกรมธนารักษ์
นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีแผนว่า จะมีการพิจารณาคัดแยกผู้ต้องขังคดียาเสพติด โดยจะมีการสร้างเรือนจำเฉพาะแยกขังสำหรับผู้ต้องขังคดียาเสพติด เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาความแออัดได้ เพราะขณะนี้นักโทษ 70 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนนักโทษทั้งหมด 320,000 คน เป็นผู้ทำผิดในคดียาเสพติด ขณะผู้ต้องขังอีก 30 เปอร์เซ็นต์ หรือจำนวน 80,000-90,000 คน เป็นนักโทษคดีอื่นๆ และยังมีผู้ต้องขังที่เป็นตัวเลขหมุนเวียนเข้าๆ ออกๆ หรือรอการประกันตัวรวมทั้งหมด 150,000 คนต่อปี
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ปัญหายาเสพติดในเรือนจำเป็นไปด้วยดีและปริมาณการตรวจพบลดลง เนื่องจากการเข้าไปตรวจค้นของทางเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจอยู่เป็นประจำในเรือนจำทั่วประเทศ
พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวอีกว่า เตรียมเสนออัตรากำลังเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์จำนวน 1,000 อัตราทั่วประเทศ โดยจะเฉลี่ยแบ่งเจ้าหน้าที่ไปตามเรือนจำต่างๆ จำนวน143 แห่งทั่วประเทศ