ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ "ประเทศไทยกับการพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่ Trading Nation" หรือการพัฒนาประเทศไทยสู่การเป็นชาติการค้าในภูมิภาคและระดับโลก ภายในงานสัมมนา "Trading Nation : ยุทธศาสตร์ของไทยเพื่อการใช้ประโยชน์จาก RCEP" จัดโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ว่า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการและบริษัทเอกชนของไทยเข้าไปขยายฐานการผลิตในต่างประเทศ จนประสบความสำเร็จเป็นจำนวนมาก เช่น บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยได้เปิดประเทศให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย จากปัจจัยการลงทุนของเอกชนมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมีการพัฒนากระบวนการอุตสาหกรรมการจ้างงานได้ดีขึ้น ซึ่งประเทศไทยมีผู้ประกอบการที่ใหญ่และมีเงินทุนมากที่สุดในอาเซียน แม้จะเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว รวมถึงสถานการณ์บ้านเมืองจะมีความขัดแย้งแต่ฐานเศรษฐกิจของไทยยังคงเดินต่อไปได้
ทั้งนี้ มองว่าผู้ประกอบการควรหันมาลงทุนในตลาดอาเซียนมากขึ้น ซึ่งมีสัดส่วนของการส่งออกถึงร้อยละ 45 จากการส่งออกทั้งหมด ดังนั้น สิ่งที่ต้องดำเนินการต้องปรับปรุงให้ไทยเป็น Trading Nation จะต้องมีกฏเกณฑ์การค้าที่คล่องตัว ปรับปรุงระบบภาษี และระบบการเงินที่เอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางการค้า ซึ่งขณะนี้กระบวนการปรับแก้กฎหมายใกล้แล้วเสร็จคาดว่าต้นปี 2558 จะเริ่มประกาศใช้
ส่วนการพัฒนาระบบขนส่งสินค่าที่เชื่อมต่อเพื่อนบ้านและท่าเรือน้ำลึก โดยเฉพาะการพัฒนาระบบขนส่งทางราง ที่มีต้นทุนการขนส่งต่ำกว่าทางถนนถึง 6 เท่า และสนับสนุนการลงทุนของไทยในต่างประเทศให้มากขึ้น ล่าสุดได้จัดตั้งกองสนับสนุนการลงทุนในต่างประเทศ ภายใต้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแน้วโน้มการส่งออกของไทยในปี 2558 ว่า เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ประเทศไทยต้องเร่งรัดการลงทุนภาครัฐให้เร่งเบิกจ่ายงบประมาณตามโครงการต่างๆ โดยเร็ว หากสามารถดำเนินการได้ตามแผนเชื่อว่าตัวเลขส่งออก และอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของไทยจะเป็นไปตามกรอบที่ร้อยละ 4.0
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยได้เปิดประเทศให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย จากปัจจัยการลงทุนของเอกชนมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมีการพัฒนากระบวนการอุตสาหกรรมการจ้างงานได้ดีขึ้น ซึ่งประเทศไทยมีผู้ประกอบการที่ใหญ่และมีเงินทุนมากที่สุดในอาเซียน แม้จะเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว รวมถึงสถานการณ์บ้านเมืองจะมีความขัดแย้งแต่ฐานเศรษฐกิจของไทยยังคงเดินต่อไปได้
ทั้งนี้ มองว่าผู้ประกอบการควรหันมาลงทุนในตลาดอาเซียนมากขึ้น ซึ่งมีสัดส่วนของการส่งออกถึงร้อยละ 45 จากการส่งออกทั้งหมด ดังนั้น สิ่งที่ต้องดำเนินการต้องปรับปรุงให้ไทยเป็น Trading Nation จะต้องมีกฏเกณฑ์การค้าที่คล่องตัว ปรับปรุงระบบภาษี และระบบการเงินที่เอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางการค้า ซึ่งขณะนี้กระบวนการปรับแก้กฎหมายใกล้แล้วเสร็จคาดว่าต้นปี 2558 จะเริ่มประกาศใช้
ส่วนการพัฒนาระบบขนส่งสินค่าที่เชื่อมต่อเพื่อนบ้านและท่าเรือน้ำลึก โดยเฉพาะการพัฒนาระบบขนส่งทางราง ที่มีต้นทุนการขนส่งต่ำกว่าทางถนนถึง 6 เท่า และสนับสนุนการลงทุนของไทยในต่างประเทศให้มากขึ้น ล่าสุดได้จัดตั้งกองสนับสนุนการลงทุนในต่างประเทศ ภายใต้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแน้วโน้มการส่งออกของไทยในปี 2558 ว่า เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ประเทศไทยต้องเร่งรัดการลงทุนภาครัฐให้เร่งเบิกจ่ายงบประมาณตามโครงการต่างๆ โดยเร็ว หากสามารถดำเนินการได้ตามแผนเชื่อว่าตัวเลขส่งออก และอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของไทยจะเป็นไปตามกรอบที่ร้อยละ 4.0