น้ำมันวานนี้(4ก.ย.) ร่วงหนัก แตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปี หลังซาอุดีอาระเบียปรับลดราคาเพื่อรักษาส่วนแบ่งในตลาดอเมริกาเหนือ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2011 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.96 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2010
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า การปิโตรเลียมซาอุดิอาระเบียได้ปรับลดราคาน้ำมันดิบที่ส่งออกให้กับสหรัฐ โดยเทรดเดอร์ระบุว่าความเคลื่อนไหวของซาอุดิอาระเบียในครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะชิงส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันโลกซึ่งมีการแข่งขันสูง
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อผลการสำรวจบ่งชี้ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ปรับตัวสูงขึ้น 53,000 บาร์เรล สู่ระดับ 30.974 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน
ทั้งนี้ กลุ่มโอเปคสามารถผลิตน้ำมันได้ในสัดส่วน 40% ของปริมาณการผลิตทั่วโลก โดยโอเปคมีกำหนดจะจัดการประชุมในวันที่ 27 พ.ย.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนก.ย.ปรับตัวสูงขึ้น 7.6% แตะที่ 4.303 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากยอดส่งออกร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน เนื่องจากการชะลอตัวของอุปสงค์ทั่วโลกได้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
ขณะที่ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย.ปรับตัวลง 0.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 เดือน และสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตของสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ หลังจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 ต.ค.เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล แตะ 379.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 776,000 บาร์เรล สู่ระดับ 21.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2011 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.96 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2010
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า การปิโตรเลียมซาอุดิอาระเบียได้ปรับลดราคาน้ำมันดิบที่ส่งออกให้กับสหรัฐ โดยเทรดเดอร์ระบุว่าความเคลื่อนไหวของซาอุดิอาระเบียในครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะชิงส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันโลกซึ่งมีการแข่งขันสูง
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อผลการสำรวจบ่งชี้ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ปรับตัวสูงขึ้น 53,000 บาร์เรล สู่ระดับ 30.974 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน
ทั้งนี้ กลุ่มโอเปคสามารถผลิตน้ำมันได้ในสัดส่วน 40% ของปริมาณการผลิตทั่วโลก โดยโอเปคมีกำหนดจะจัดการประชุมในวันที่ 27 พ.ย.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนก.ย.ปรับตัวสูงขึ้น 7.6% แตะที่ 4.303 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากยอดส่งออกร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน เนื่องจากการชะลอตัวของอุปสงค์ทั่วโลกได้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
ขณะที่ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย.ปรับตัวลง 0.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 เดือน และสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตของสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ หลังจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 ต.ค.เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล แตะ 379.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 776,000 บาร์เรล สู่ระดับ 21.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.