กลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯเปิดการถล่มโจมตีที่มั่นของกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) อีกครั้งในวันพุธ (24 ก.ย.) โดยมีทั้งเป้าหมายในอิรัก และจุดยุทธศาสตร์ในซีเรียซึ่งอยู่ตรงพรมแดนติดต่อกับอิรัก ทางด้านบรรดาผู้นำจากทั่วโลกเตรียมเข้าประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นที่จะเริ่มขึ้นในวันพุธเช่นกัน ซึ่งเชื่อได้ว่า สหรัฐฯจะพยายามผลักดันให้เรื่องการระดมความสนับสนุนเพื่อประกาศศึกกับกลุ่มก่อการร้าย กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ครอบงำการประชุมปีนี้
กองบัญชาการทหารด้านกลางของสหรัฐฯ (CENTCOM) ซึ่งดูแลรับผิดชอบทหารอเมริกันในตะวันออกกลางและอัฟกานิสถาน แถลงว่า การถล่มทางอากาศในช่วงตั้งแต่คืนวันอังคาร (23) จนถึงวันพุธนั้น ได้กระทำเป็น 5 ระลอก โดยใช้ทั้งเครื่องบินทิ้งระเบิดและเครื่องบินขับไล่
ทั้งนี้การโจมตีที่บริเวณด้านตะวันตกของเมืองหลวงแบกแดดของอิรัก สามารถทำลายยานยนต์ติดอาวุธได้ 2 คันและคลังอาวุธแห่งหน่ง ส่วนอีก 2 ระลอกได้ทำลายที่มั่นสู้รบของกลุ่มไอเอสหลายแห่ง ซึ่งกำลังคุกคามเมืองหลวงอาร์บิล ของเขตปกครองตนเอง “เคอร์ดิสถาน” ของชาวเคิร์ด ในภาคเหนือของอิรัก
สำหรับในซีเรีย การโจมตีระลอกที่ 5 ได้ทำลายยานพาหนะของไอเอสไป 8 คัน ที่บริเวณเมืองอัล-กออิม ซึ่งอยู่ติดต่อกับชายแดนอิรัก
CENTCOM ระบุว่า จากการโจมตีระลอกล่าสุดนี้ ทำให้จำนวนการถล่มเป้าหมายต่างๆ ที่อยู่ในอิรัก อยู่ที่ 198 ครั้ง นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เริ่มออกคำสั่งเปิดการรณรงค์ที่นำโดยอเมริกาเพื่อเล่นงานไอเอส ส่วนสำหรับในซีเรีย ซึ่งการถล่มโจมตีเริ่มขึ้นครั้งแรกในวันจันทร์ (22) นั้น เวลานี้อยู่ที่ 20 ครั้ง
จากการโจมตีในวันแรกๆ นี้ ดูจะบ่งชี้ให้เห็นว่า จุดมุ่งหมายประการหนึ่งของสหรัฐฯคือการสร้างความเสียหายให้แก่ความสามารถของไอเอสในการปฏิบัติการข้ามพรมแดนระหว่างอิรัก-ซีเรีย ทั้งนี้กลุ่มซีเรียน ออปเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส ซึ่งเป็นกลุ่มเฝ้าติดตามการสู้รบขัดแย้งในซีเรีย โดยอาศัยเครือข่ายฝ่ายคัดค้านต่อต้านรัฐบาลซีเรียที่ไม่ใช่พวกหัวรุนแรง ระบุว่า ในวันพุธ กองกำลังนำโดยสหรัฐฯได้โจมตีเป้าหมายอย่างน้อย 13 จุดทั้งในและรอบๆ อัลบู คามัล ซึ่งเป็นจุดข้ามพรมแดนหลักจุดหนึ่งระหว่างอิรักกับซีเรีย หลังจากที่ได้ถล่มเป้าหมายบริเวณนี้ไป 22 จุดในวันอังคาร ทั้งนี้ เมืองอัล-กออิม ที่กองบัญชาการด้านกลางของสหรัฐฯระบุว่าเข้าโจมตีในวันพุธนั้น ก็คือเมืองเล็กๆ ตรงด่านชายแดนอัลบู คามัล นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การถล่มโจมตีเหล่านี้ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการสกัดกั้นพวกนักรบไอเอส ซึ่งกำลังค่อยๆ บุกเข้าสู่เมืองเอน อัล-อาหรับ ที่เรียกในภาษาเคิร์ดว่า โคบานี อันเป็นเมืองพรมแดนทางเหนือของซีเรียที่ติดต่อกับตุรกี โดยที่ไอเอสเข้าโจมตีบริเวณรอบๆ เมืองนี้อย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ชาวเคิร์ดกว่า 130,000 คนต้องทิ้งบ้านหนีการสังหารหมู่เข้าสู่ตุรกี
การที่ไอเอสยังคงรุกคืบหน้าสู่โคบานี เป็นเครื่องเตือนให้เห็นถึงความยากลำบากที่วอชิงตันน่าจะต้องประสบในการยังความปราชัยให้พวกนักรบหัวรุนแรงในซีเรีย เนื่องจากสหรัฐฯไม่ได้มีกลุ่มพันธมิตรที่เข้มแข็งคอยประสานอยู่ทางภาคพื้นดิน
กองบัญชาการทหารด้านกลางของสหรัฐฯ (CENTCOM) ซึ่งดูแลรับผิดชอบทหารอเมริกันในตะวันออกกลางและอัฟกานิสถาน แถลงว่า การถล่มทางอากาศในช่วงตั้งแต่คืนวันอังคาร (23) จนถึงวันพุธนั้น ได้กระทำเป็น 5 ระลอก โดยใช้ทั้งเครื่องบินทิ้งระเบิดและเครื่องบินขับไล่
ทั้งนี้การโจมตีที่บริเวณด้านตะวันตกของเมืองหลวงแบกแดดของอิรัก สามารถทำลายยานยนต์ติดอาวุธได้ 2 คันและคลังอาวุธแห่งหน่ง ส่วนอีก 2 ระลอกได้ทำลายที่มั่นสู้รบของกลุ่มไอเอสหลายแห่ง ซึ่งกำลังคุกคามเมืองหลวงอาร์บิล ของเขตปกครองตนเอง “เคอร์ดิสถาน” ของชาวเคิร์ด ในภาคเหนือของอิรัก
สำหรับในซีเรีย การโจมตีระลอกที่ 5 ได้ทำลายยานพาหนะของไอเอสไป 8 คัน ที่บริเวณเมืองอัล-กออิม ซึ่งอยู่ติดต่อกับชายแดนอิรัก
CENTCOM ระบุว่า จากการโจมตีระลอกล่าสุดนี้ ทำให้จำนวนการถล่มเป้าหมายต่างๆ ที่อยู่ในอิรัก อยู่ที่ 198 ครั้ง นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เริ่มออกคำสั่งเปิดการรณรงค์ที่นำโดยอเมริกาเพื่อเล่นงานไอเอส ส่วนสำหรับในซีเรีย ซึ่งการถล่มโจมตีเริ่มขึ้นครั้งแรกในวันจันทร์ (22) นั้น เวลานี้อยู่ที่ 20 ครั้ง
จากการโจมตีในวันแรกๆ นี้ ดูจะบ่งชี้ให้เห็นว่า จุดมุ่งหมายประการหนึ่งของสหรัฐฯคือการสร้างความเสียหายให้แก่ความสามารถของไอเอสในการปฏิบัติการข้ามพรมแดนระหว่างอิรัก-ซีเรีย ทั้งนี้กลุ่มซีเรียน ออปเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส ซึ่งเป็นกลุ่มเฝ้าติดตามการสู้รบขัดแย้งในซีเรีย โดยอาศัยเครือข่ายฝ่ายคัดค้านต่อต้านรัฐบาลซีเรียที่ไม่ใช่พวกหัวรุนแรง ระบุว่า ในวันพุธ กองกำลังนำโดยสหรัฐฯได้โจมตีเป้าหมายอย่างน้อย 13 จุดทั้งในและรอบๆ อัลบู คามัล ซึ่งเป็นจุดข้ามพรมแดนหลักจุดหนึ่งระหว่างอิรักกับซีเรีย หลังจากที่ได้ถล่มเป้าหมายบริเวณนี้ไป 22 จุดในวันอังคาร ทั้งนี้ เมืองอัล-กออิม ที่กองบัญชาการด้านกลางของสหรัฐฯระบุว่าเข้าโจมตีในวันพุธนั้น ก็คือเมืองเล็กๆ ตรงด่านชายแดนอัลบู คามัล นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การถล่มโจมตีเหล่านี้ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการสกัดกั้นพวกนักรบไอเอส ซึ่งกำลังค่อยๆ บุกเข้าสู่เมืองเอน อัล-อาหรับ ที่เรียกในภาษาเคิร์ดว่า โคบานี อันเป็นเมืองพรมแดนทางเหนือของซีเรียที่ติดต่อกับตุรกี โดยที่ไอเอสเข้าโจมตีบริเวณรอบๆ เมืองนี้อย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ชาวเคิร์ดกว่า 130,000 คนต้องทิ้งบ้านหนีการสังหารหมู่เข้าสู่ตุรกี
การที่ไอเอสยังคงรุกคืบหน้าสู่โคบานี เป็นเครื่องเตือนให้เห็นถึงความยากลำบากที่วอชิงตันน่าจะต้องประสบในการยังความปราชัยให้พวกนักรบหัวรุนแรงในซีเรีย เนื่องจากสหรัฐฯไม่ได้มีกลุ่มพันธมิตรที่เข้มแข็งคอยประสานอยู่ทางภาคพื้นดิน