นายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติยกคำร้องที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร้องกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี พ.ศ.2557เนื่องจากไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน
ส่วนคำร้องที่อ้างว่าการกระทำของ สนช.ที่มีมติเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เห็นว่าตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 45 ได้กำหนดให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีบทบัญญัติของกฎหมายใดขัด หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่การแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็นเรื่องของการกระทำของ สนช. ไม่เกี่ยวกับบทบัญญัติกฎหมาย จึงไม่อยู่ในอำนาจที่ผู้ตรวจที่สามารถพิจารณาได้
ทั้งนี้ การยกคำร้องดังกล่าวเป็นมติเอกฉันท์ของผู้ตรวจการแผ่นดินเพียง 2 คน คือ นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากนายพรเพชร วิชิตชลชัย ได้ลาออกไปก่อนหน้าที่จะมีการพิจารณา และไม่พิจารณาในคำร้องดังกล่าว เพราะถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องดังกล่าว
ส่วนคำร้องที่อ้างว่าการกระทำของ สนช.ที่มีมติเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เห็นว่าตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 45 ได้กำหนดให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีบทบัญญัติของกฎหมายใดขัด หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่การแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็นเรื่องของการกระทำของ สนช. ไม่เกี่ยวกับบทบัญญัติกฎหมาย จึงไม่อยู่ในอำนาจที่ผู้ตรวจที่สามารถพิจารณาได้
ทั้งนี้ การยกคำร้องดังกล่าวเป็นมติเอกฉันท์ของผู้ตรวจการแผ่นดินเพียง 2 คน คือ นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากนายพรเพชร วิชิตชลชัย ได้ลาออกไปก่อนหน้าที่จะมีการพิจารณา และไม่พิจารณาในคำร้องดังกล่าว เพราะถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องดังกล่าว
