ชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม อินคัม แอนด์ โกรท ฟันด์ (KT-IGF) ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 25 กันยายน 2557 มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เงินลงทุนขั้นต่ำ 550,000 บาท โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในกองทุนรวมหลัก Allianz Income and Growth ซึ่งบริหารโดย Allianz Global Investors ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนรวมหลักที่ได้รับความนิยมสูง มีขนาดสินทรัพย์ประมาณ 9.07 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณกว่า 288,000 ล้านบาท ข้อมูล ณ 31 ก.ค. 2014 โดยกองทุนรวมหลักมีนโยบายในการสร้างการเติบโตของเงินทุนและรายได้ในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ 3 ประเภทหลักที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้แก่ หุ้นสามัญและหลักทรัพย์ประเภทหุ้นอื่นๆ ตราสารหนี้ และหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Securities) โดยการดำรงสัดส่วนระหว่างประเภทหลักทรัพย์เป็นไปตามที่ผู้จัดการกองทุนรวมหลักเห็นสมควร
กองทุนKT-IGF น่าสนใจเพราะกองทุนรวมหลักมีกลยุทธ์ที่แตกต่างเพื่อเฟ้นหาโอกาสในการลงทุน โดยมุ่งให้ผู้ลงทุนมีโอกาสที่จะได้รับรายได้และการเติบโตของเงินลงทุนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง จากการลงทุนในสินทรัพย์ 3 ประเภทดังกล่าว ได้แก่ ตราสารหนี้ประเภท High Yield หุ้นกู้แปลงสภาพ และหุ้น รวมถึงมีการกระจายการลงทุนอย่างกว้างขวางในหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง โดยอยู่ในตราสารหนี้ High Yield และหุ้นกู้แปลงสภาพ ประมาณ 100 – 200 หลักทรัพย์ต่อประเภทตราสาร และหุ้น ประมาณ 40 – 50 หลักทรัพย์
การบริหารจัดการกองทุน KT-IGF ผู้จัดการกองทุนยังมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในสกุลเงินบาทโดยเฉลี่ยในรอบปีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ และกองทุนจะขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรับกระแสเงินสดจากรายได้เงินปันผล ของกองทุนรวมหลัก ทั้งหมดหรือบางส่วน ไม่เกินปีละ 12 ครั้ง
โดยกองทุน KT-IGF จะเสนอขายผ่านธนาคารซิตี้แบงก์ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่บลจ.กรุงไทย
นอกจากนี้ บริษัทยังเพิ่มทางเลือกสำหรับนักลงทุนทั่วไป ที่สามารถพักเงินได้ในระยะยาว จึงเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 3 ปี 1 ( KTSUPB3Y1 ) เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในเงินฝาก และตราสารหนี้ต่างประเทศ อายุ 3 ปี จ่ายผลตอบแทนแบบอัตโนมัติทุก 6 เดือน เสนอขายวันที่ 17 - 23 กันยายน 2557 โดยตราสารต่างประเทศ ที่กองทุนลงทุน ได้แก่ เงินฝาก บัตรเงินฝาก ออกโดย ICBC และออกโดย Bank of china ในสัดส่วน 35 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ บมจ. ราชธานีลิสซิ่ง , บมจ. เอส ซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น , บมจ.ศุภาลัย , บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น , บมจ.เอเซียเสริมกิจ ลีสซิ่ง และบมจ. พฤกษา เรียล เอสเตท ผลตอบแทนประมาณ 3.50% ต่อปี ไม่เสียภาษี เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท โดยเงินลงทุนในต่างประเทศจะปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน กองทุนKTSUPB3Y1 มีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น ประมาณ 0.50% - 1.00% ต่อปี ซึ่งสามารถรองรับความเสี่ยง จากการเสียโอกาสลงทุนในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นได้
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยแม้จะมีทิศทางฟื้นตัวขึ้น แต่ยังมีความเปราะบางและผันผวนจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินยังเป็นไปแบบผ่อนคลาย จึงคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงอยู่ในระดับต่ำ 2.00% ต่อปี ต่อเนื่องไปถึงกลางปี 2558 เป็นอย่างน้อย เพื่อไม่ให้กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแผนการพัฒนาประเทศ
ทั้งนี้ กองทุนรวมหลักที่ได้รับความนิยมสูง มีขนาดสินทรัพย์ประมาณ 9.07 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณกว่า 288,000 ล้านบาท ข้อมูล ณ 31 ก.ค. 2014 โดยกองทุนรวมหลักมีนโยบายในการสร้างการเติบโตของเงินทุนและรายได้ในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ 3 ประเภทหลักที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้แก่ หุ้นสามัญและหลักทรัพย์ประเภทหุ้นอื่นๆ ตราสารหนี้ และหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Securities) โดยการดำรงสัดส่วนระหว่างประเภทหลักทรัพย์เป็นไปตามที่ผู้จัดการกองทุนรวมหลักเห็นสมควร
กองทุนKT-IGF น่าสนใจเพราะกองทุนรวมหลักมีกลยุทธ์ที่แตกต่างเพื่อเฟ้นหาโอกาสในการลงทุน โดยมุ่งให้ผู้ลงทุนมีโอกาสที่จะได้รับรายได้และการเติบโตของเงินลงทุนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง จากการลงทุนในสินทรัพย์ 3 ประเภทดังกล่าว ได้แก่ ตราสารหนี้ประเภท High Yield หุ้นกู้แปลงสภาพ และหุ้น รวมถึงมีการกระจายการลงทุนอย่างกว้างขวางในหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง โดยอยู่ในตราสารหนี้ High Yield และหุ้นกู้แปลงสภาพ ประมาณ 100 – 200 หลักทรัพย์ต่อประเภทตราสาร และหุ้น ประมาณ 40 – 50 หลักทรัพย์
การบริหารจัดการกองทุน KT-IGF ผู้จัดการกองทุนยังมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในสกุลเงินบาทโดยเฉลี่ยในรอบปีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ และกองทุนจะขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรับกระแสเงินสดจากรายได้เงินปันผล ของกองทุนรวมหลัก ทั้งหมดหรือบางส่วน ไม่เกินปีละ 12 ครั้ง
โดยกองทุน KT-IGF จะเสนอขายผ่านธนาคารซิตี้แบงก์ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่บลจ.กรุงไทย
นอกจากนี้ บริษัทยังเพิ่มทางเลือกสำหรับนักลงทุนทั่วไป ที่สามารถพักเงินได้ในระยะยาว จึงเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 3 ปี 1 ( KTSUPB3Y1 ) เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในเงินฝาก และตราสารหนี้ต่างประเทศ อายุ 3 ปี จ่ายผลตอบแทนแบบอัตโนมัติทุก 6 เดือน เสนอขายวันที่ 17 - 23 กันยายน 2557 โดยตราสารต่างประเทศ ที่กองทุนลงทุน ได้แก่ เงินฝาก บัตรเงินฝาก ออกโดย ICBC และออกโดย Bank of china ในสัดส่วน 35 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ บมจ. ราชธานีลิสซิ่ง , บมจ. เอส ซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น , บมจ.ศุภาลัย , บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น , บมจ.เอเซียเสริมกิจ ลีสซิ่ง และบมจ. พฤกษา เรียล เอสเตท ผลตอบแทนประมาณ 3.50% ต่อปี ไม่เสียภาษี เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท โดยเงินลงทุนในต่างประเทศจะปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน กองทุนKTSUPB3Y1 มีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น ประมาณ 0.50% - 1.00% ต่อปี ซึ่งสามารถรองรับความเสี่ยง จากการเสียโอกาสลงทุนในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นได้
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยแม้จะมีทิศทางฟื้นตัวขึ้น แต่ยังมีความเปราะบางและผันผวนจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินยังเป็นไปแบบผ่อนคลาย จึงคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงอยู่ในระดับต่ำ 2.00% ต่อปี ต่อเนื่องไปถึงกลางปี 2558 เป็นอย่างน้อย เพื่อไม่ให้กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแผนการพัฒนาประเทศ