xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรไทยเปิดขายกองบอนด์สั้นเอาใจคนชอบเสี่ยงน้อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.กสิกรไทยได้จังหวะส่งกองทุนตราสารหนี้ไทยใหม่ เพิ่มทางเลือกในการล็อกผลตอบแทนระยะยาว กับอายุโครงการ 42 เดือน เน้นลงทุนในหุ้นกู้บริษัทอสังหาฯ  กับโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นถึง 3.50% ต่อปี  พร้อมรับซื้อคืนอัตโนมัติทุก 6 เดือน เสนอขาย 19-25 สิงหาคมนี้

นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)  กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ในวันที่ 19-25 สิงหาคม  2557 บลจ.กสิกรไทยจะเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ไทย 42 เดือน A (KTF42MA) ซึ่งเป็นกองทุนใหม่ที่มีอายุโครงการยาวขึ้น ประมาณ 3 ปีกับ 6 เดือน  พร้อมเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยผลตอบแทนประมาณการไว้ที่ 3.50% ต่อปี เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนที่พร้อมลงทุนได้ในระยะยาว และสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางถึงต่ำ

สำหรับกองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย  และสถาบันการเงิน  โดยเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน), หุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน), หุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน), หุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน), หุ้นกู้ที่ออกโดยธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) และหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งทั้งหมดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ A+, A, A, A, A-  และ BBB+ ตามลำดับ โดยผู้สนใจสามารถลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทยได้เคยออกกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการที่มีอายุโครงการ 3 ปี และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากนักลงทุน ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบสนองดีมานด์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้สอดรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนในปัจจุบัน  บลจ.กสิกรไทยจึงแนะนำให้ผู้ลงทุนเลือกพักเงินกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการที่สามารถล็อกผลตอบแทนระยะยาวในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งจะช่วยลดความกังวลจากปัจจัยที่มีผลต่อความผันผวนของอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะสั้น  โดยกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ไทย 42 เดือน เอ ที่ บลจ.กสิกรไทยจะเสนอขายในสัปดาห์นี้ ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะยาว ภายใต้ความสามารถในการรับความเสี่ยงในระดับปานกลางถึงต่ำ แต่ในขณะเดียวกันก็ให้โอกาสให้การรับผลตอบแทนที่น่าสนใจและคุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนระยะสั้นไปเรื่อยๆ

นายชัชชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ไทย 42 เดือน เอ ดังกล่าวแล้ว เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนที่ต้องการพักเงินในระยะสั้น ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอเอส (KEFF6MAH) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.70% ต่อปี ซึ่งจะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศเบื้องต้นประกอบด้วย เงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง (A/Fitch), เงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี (BBB-/Fitch), ตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี (BBB-/Fitch), ตราสารหนี้ Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี (BBB-/Fitch)  และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่ค้ำประกันโดย  BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล (BBB-/Fitch)

โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท   อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว บลจ.กสิกรไทยขอแนะนำกองทุน เปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน อีคิว (KFI3MEQ) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.30% ต่อปี  ซึ่งเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ทั้งในและต่างประเทศ  โดยเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนใน เงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง (A/Fitch), เงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า (A/Fitch), ตราสารหนี้ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (A+(tha)/Fitch), ตราสารหนี้ บริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (AAA(tha)/Fitch) และตั๋วแลกเงิน บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ A+  ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น