ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า ธนาคารมีความยินดีที่ได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ (Moody’s) จาก Baa3 มาอยู่ที่ Baa2 พร้อมกับ แนวโน้ม “มีเสถียรภาพ” ตามรายงานซึ่งมูดี้ส์ได้ออกประกาศในวันนี้
มูดี้ส์ ให้เหตุผลถึงการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ว่า เป็นผลมาจากสถานะความเสี่ยง (Risk Profile) ของธนาคารที่ดีขึ้น สะท้อนให้เห็นได้จากปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ที่ลดลง และระดับความสามารถในการรองรับความเสียหาย (Loss Absorbing Buffer) ที่ดีขึ้น ทั้งในแง่ของเงินกองทุนและเงินสำรองหนี้สูญ
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี กล่าวว่า นอกเหนือจากความพยายามในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและเพิ่มความสามารถในการทำกำไรแล้ว ธนาคารก็ยังให้ความสำคัญกับการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์และเพิ่มความแข็งแกร่งของระดับเงินกองทุน และจากการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เคร่งครัด ธนาคารสามารถลดปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดในไตรมาส 2/2557 ธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.4 เทียบกับร้อยละ 14.3 เมื่อเดือนธันวาคม 2551 ขณะเดียวกันเงินสำรองหนี้สูญก็อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง สะท้อนให้เห็นได้จาก อัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ร้อยละ 143 ในไตรมาส 2/2557 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 66 จากสิ้นปี 2551 ในส่วนของความเพียงพอของเงินกองทุนก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดี โดยอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CAR) อยู่ที่ร้อยละ 15.4 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ร้อยละ 10.7 ณ สิ้นไตรมาส 2/2557 หรือที่ร้อยละ 11.1 หากรวมกำไรรอบครึ่งปี 2557 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดไว้ที่ร้อยละ 8.5 และร้อยละ 6.0 ตามลำดับ
“เพื่อให้มั่นใจว่าการเติบโตของธนาคารจะเป็นไปอย่างมีคุณภาพและสามารถสร้างผลกำไรที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต ธนาคารจะยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้เราสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีสำหรับลูกค้าในการมาใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง” นายบุญทักษ์กล่าวในตอนท้าย
มูดี้ส์ ให้เหตุผลถึงการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ว่า เป็นผลมาจากสถานะความเสี่ยง (Risk Profile) ของธนาคารที่ดีขึ้น สะท้อนให้เห็นได้จากปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ที่ลดลง และระดับความสามารถในการรองรับความเสียหาย (Loss Absorbing Buffer) ที่ดีขึ้น ทั้งในแง่ของเงินกองทุนและเงินสำรองหนี้สูญ
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี กล่าวว่า นอกเหนือจากความพยายามในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและเพิ่มความสามารถในการทำกำไรแล้ว ธนาคารก็ยังให้ความสำคัญกับการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์และเพิ่มความแข็งแกร่งของระดับเงินกองทุน และจากการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เคร่งครัด ธนาคารสามารถลดปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดในไตรมาส 2/2557 ธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.4 เทียบกับร้อยละ 14.3 เมื่อเดือนธันวาคม 2551 ขณะเดียวกันเงินสำรองหนี้สูญก็อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง สะท้อนให้เห็นได้จาก อัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ร้อยละ 143 ในไตรมาส 2/2557 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 66 จากสิ้นปี 2551 ในส่วนของความเพียงพอของเงินกองทุนก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดี โดยอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CAR) อยู่ที่ร้อยละ 15.4 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ร้อยละ 10.7 ณ สิ้นไตรมาส 2/2557 หรือที่ร้อยละ 11.1 หากรวมกำไรรอบครึ่งปี 2557 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดไว้ที่ร้อยละ 8.5 และร้อยละ 6.0 ตามลำดับ
“เพื่อให้มั่นใจว่าการเติบโตของธนาคารจะเป็นไปอย่างมีคุณภาพและสามารถสร้างผลกำไรที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต ธนาคารจะยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้เราสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีสำหรับลูกค้าในการมาใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง” นายบุญทักษ์กล่าวในตอนท้าย