นายศุกรีย์ สิทธิวณิช รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เตรียมนำตัวแทนบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่จากตลาดยุโรป กว่า 100 รายมาเข้าร่วมสำรวจแหล่งท่องเที่ยว (แฟมทริป) และจัดกิจกรรมซื้อขายแพ็กเกจในประเทศไทย เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวยุโรปที่เริ่มชะลอการเดินทางท่องเที่ยวในระยะไกล และเปลี่ยนไปเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านแทน เนื่องจาก กังวลกับภาวะสงครามของโลกที่เริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น และอาจทำให้การเดินทางในระยะไกลโดยใช้เครื่องบินโดยสารไม่ปลอดภัยตามไปด้วย
นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยยังคงมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญเช่นกัน ที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่กำลังจะวางแผนเดินทาง ตัดสินใจเปลี่ยนไปท่องเที่ยวที่ประเทศอื่นๆ เพราะกังวลถึงความไม่ปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีแนวโน้มว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาจจะประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ ก็จะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวทั้ง ททท.และเอกชน ทำการตลาดดึงนักท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น
“ต้องยอมรับว่าตลาดยุโรปเกือบทุกตลาดในขณะนี้ถือว่า ชะลอตัวมาก ทั้งเยอรมนี อิตาลี สเปน และกลุ่มตะวันออกกกลาง โดยที่ชะลอจะเป็นกลุ่มที่มากับบริษัททัวร์ ซึ่งมีกว่า 70% ของจำนวนนักท่องเที่ยวยุโรปที่มาไทยทั้งหมด ดังนั้นททท.จึงมีนโยบาย ที่จะมุ่งสร้างกิจกรรมหลักเพื่อกระตุ้นตลาด ทั้งการสนับสนุนแฟมทริปและจัดกิจกรรม เพื่อเป็นรางวัลให้ ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เดินทางมาสำรวจแหล่งท่องเที่ยว รู้สึกอยากายประเทศไทยให้กับนักท่องเที่ยวของเค้าด้วย”
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวหลัก ที่จะนำบริษัททัวร์ไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยว นั้น ททท.ได้แบ่งเป็น 5 เส้นทาง โดยจะเน้นเส้นทางท่องเที่ยวหลักที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ภูเก็ต-เขาหลัก,สมุย-พงัน-กรุงเทพฯ,กระบี่,เชียงใหม่-เชียงราย,หัวหิน-กาญจนบุรี-กรุงเทพ, และในวันที่ 7 ก.ย. จะจัดกิจกรรมการซื้อขายสินค้าแพ็กเกจท่องเที่ยว ที่โรงแรม อีสติน สาธร เพื่อกระตุ้นการซื้อขายให้เป็นผลโดยเร็วที่สุด
ด้านตลาดยุโรปอื่นๆ เช่น สเปน ททท.ได้ร่วมกับ บริษัททัวร์รายใหญ่ คือ ทุย แอมบาสเดอร์ จัดแข่งขันการขายแพ็กเกจในบริษัทเครือข่ายของประเทศ โดยผู้ชนะจะได้รางวัลเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไทยด้วย ส่วนตลาดตะวันออกกลาง ได้นำผู้ประกอบการรายใหญ่ด้านการส่งเสริมสุขภาพและความงามจากสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (ยูเออี) กว่า 11 คน มาสำรวจสินค้าและบริการด้านสุขภาพที่จังหวัดเชียงใหม่และกรุงเทพฯ ด้วย
นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยยังคงมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญเช่นกัน ที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่กำลังจะวางแผนเดินทาง ตัดสินใจเปลี่ยนไปท่องเที่ยวที่ประเทศอื่นๆ เพราะกังวลถึงความไม่ปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีแนวโน้มว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาจจะประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ ก็จะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวทั้ง ททท.และเอกชน ทำการตลาดดึงนักท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น
“ต้องยอมรับว่าตลาดยุโรปเกือบทุกตลาดในขณะนี้ถือว่า ชะลอตัวมาก ทั้งเยอรมนี อิตาลี สเปน และกลุ่มตะวันออกกกลาง โดยที่ชะลอจะเป็นกลุ่มที่มากับบริษัททัวร์ ซึ่งมีกว่า 70% ของจำนวนนักท่องเที่ยวยุโรปที่มาไทยทั้งหมด ดังนั้นททท.จึงมีนโยบาย ที่จะมุ่งสร้างกิจกรรมหลักเพื่อกระตุ้นตลาด ทั้งการสนับสนุนแฟมทริปและจัดกิจกรรม เพื่อเป็นรางวัลให้ ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เดินทางมาสำรวจแหล่งท่องเที่ยว รู้สึกอยากายประเทศไทยให้กับนักท่องเที่ยวของเค้าด้วย”
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวหลัก ที่จะนำบริษัททัวร์ไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยว นั้น ททท.ได้แบ่งเป็น 5 เส้นทาง โดยจะเน้นเส้นทางท่องเที่ยวหลักที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ภูเก็ต-เขาหลัก,สมุย-พงัน-กรุงเทพฯ,กระบี่,เชียงใหม่-เชียงราย,หัวหิน-กาญจนบุรี-กรุงเทพ, และในวันที่ 7 ก.ย. จะจัดกิจกรรมการซื้อขายสินค้าแพ็กเกจท่องเที่ยว ที่โรงแรม อีสติน สาธร เพื่อกระตุ้นการซื้อขายให้เป็นผลโดยเร็วที่สุด
ด้านตลาดยุโรปอื่นๆ เช่น สเปน ททท.ได้ร่วมกับ บริษัททัวร์รายใหญ่ คือ ทุย แอมบาสเดอร์ จัดแข่งขันการขายแพ็กเกจในบริษัทเครือข่ายของประเทศ โดยผู้ชนะจะได้รางวัลเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไทยด้วย ส่วนตลาดตะวันออกกลาง ได้นำผู้ประกอบการรายใหญ่ด้านการส่งเสริมสุขภาพและความงามจากสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (ยูเออี) กว่า 11 คน มาสำรวจสินค้าและบริการด้านสุขภาพที่จังหวัดเชียงใหม่และกรุงเทพฯ ด้วย