สำนักข่าวต่างประเทศรายงานระบุว่า ล่าสุด รัฐบาลญี่ปุ่น ได้ประกาศว่า สามารถผลิตยาต้านไวรัสอีโบลาได้สำเร็จ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทฟูจิฟิล์ม โฮลดิ้ง คอร์ป และบริษัทยาเมดิ เวคเตอร์ ในเมืองบอสตันของสหรัฐอเมริกา ในการพัฒนายารักษาไข้หวัดใหญ่ ซึ่งอยู่ระหว่างการขอคำรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐ หรือเอฟดีเอ
โดยตัวยาถูกคิดค้นในห้องทดลอง โทยามา เคมีคอล ของบริษัท ฟูจิฟิล์ม และได้ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเมือเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีทฤษฎีการรักษาว่า ในเมื่อเชื้อไวรัสอีโบล่าและไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นไวรัสสายพันธ์เดียวกัน การรักษาแบบเดียวกันน่าจะได้ผล ซึ่งตัวยานี้ทำงานต่างจากยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ตรงที่ตัวยาจะเข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสไม่ให้ลุกลามมากยิ่งขึ้น
นายโยชิฮิเดะ ซูงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เผยว่า ญี่ปุ่นพร้อมจะส่งยาเม็ดเอวิแกน ผ่านการอนุมัติในญี่ปุ่นแล้วเมื่อเดือนมีนาคม และกำลังรอผลการทดลองทางคลินิกในสหรัฐ หากองค์การอนามัยโลกร้องขอ ทางผู้ผลิตก็พร้อมจัดส่งยาสำรองอยู่มากกว่า 20,000 เม็ด
ด้านกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันยังไม่มีการระบาดออกนอกทวีปแอฟริกา กรณีที่พบในดีอาร์คองโกเป็นคนละสายพันธุ์ โดยนายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาครั้งนี้ถือเป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา ขณะนี้ ยังคงระบาดในทวีปแอฟริกาด้านตะวันตกใน 3 ประเทศ และ 1 เมือง คือ กินี ไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน และเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าพบผู้ป่วย 2 ราย ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก หรือ ดีอาร์คองโก ซึ่งอยู่ในแถบแอฟริกากลาง จากการตรวจสอบข่าวในเบื้องต้นทราบว่า ผลการตรวจเชื้อเชื่อว่าเกิดจากเชื้อไวรัสคนละสายพันธุ์กับที่ระบาดอยู่ใน 4 ประเทศในแอฟริกาด้านตะวันตก จึงไม่เกี่ยวข้องกับการระบาดดังกล่าว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะติดตามรายละเอียดจากองค์การอนามัยโลกต่อไป
ทั้งนี้ โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลามีการระบาดอยู่ในทวีปแอฟริกามาเกือบ 40 ปี ในแต่ละปีมีการระบาดย่อยๆ ในบางประเทศ เพิ่งมีการระบาดใหญ่สุดในปีนี้ใน 4 ประเทศดังกล่าว ขณะนี้ ยังไม่พบผู้ป่วยนอกทวีปแอฟริกา
สำหรับมาตรการเฝ้าระวังในกลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศโดยเครื่องบิน กระทรวงสาธารณสุขได้ดูแลครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่ม ในระยะที่ผ่านมาสถานการณ์ปกติ ไม่พบรายใดมีไข้ ส่วนการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาผู้ป่วย การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และการสอบสวนโรค ได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของบุคลากร เนื่องจากบทเรียนของการระบาดในแอฟริกา มีบุคลากรทางการแพทย์รวมอยู่ด้วย จึงต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่
โดยตัวยาถูกคิดค้นในห้องทดลอง โทยามา เคมีคอล ของบริษัท ฟูจิฟิล์ม และได้ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเมือเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีทฤษฎีการรักษาว่า ในเมื่อเชื้อไวรัสอีโบล่าและไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นไวรัสสายพันธ์เดียวกัน การรักษาแบบเดียวกันน่าจะได้ผล ซึ่งตัวยานี้ทำงานต่างจากยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ตรงที่ตัวยาจะเข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสไม่ให้ลุกลามมากยิ่งขึ้น
นายโยชิฮิเดะ ซูงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เผยว่า ญี่ปุ่นพร้อมจะส่งยาเม็ดเอวิแกน ผ่านการอนุมัติในญี่ปุ่นแล้วเมื่อเดือนมีนาคม และกำลังรอผลการทดลองทางคลินิกในสหรัฐ หากองค์การอนามัยโลกร้องขอ ทางผู้ผลิตก็พร้อมจัดส่งยาสำรองอยู่มากกว่า 20,000 เม็ด
ด้านกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันยังไม่มีการระบาดออกนอกทวีปแอฟริกา กรณีที่พบในดีอาร์คองโกเป็นคนละสายพันธุ์ โดยนายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาครั้งนี้ถือเป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา ขณะนี้ ยังคงระบาดในทวีปแอฟริกาด้านตะวันตกใน 3 ประเทศ และ 1 เมือง คือ กินี ไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน และเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าพบผู้ป่วย 2 ราย ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก หรือ ดีอาร์คองโก ซึ่งอยู่ในแถบแอฟริกากลาง จากการตรวจสอบข่าวในเบื้องต้นทราบว่า ผลการตรวจเชื้อเชื่อว่าเกิดจากเชื้อไวรัสคนละสายพันธุ์กับที่ระบาดอยู่ใน 4 ประเทศในแอฟริกาด้านตะวันตก จึงไม่เกี่ยวข้องกับการระบาดดังกล่าว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะติดตามรายละเอียดจากองค์การอนามัยโลกต่อไป
ทั้งนี้ โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลามีการระบาดอยู่ในทวีปแอฟริกามาเกือบ 40 ปี ในแต่ละปีมีการระบาดย่อยๆ ในบางประเทศ เพิ่งมีการระบาดใหญ่สุดในปีนี้ใน 4 ประเทศดังกล่าว ขณะนี้ ยังไม่พบผู้ป่วยนอกทวีปแอฟริกา
สำหรับมาตรการเฝ้าระวังในกลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศโดยเครื่องบิน กระทรวงสาธารณสุขได้ดูแลครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่ม ในระยะที่ผ่านมาสถานการณ์ปกติ ไม่พบรายใดมีไข้ ส่วนการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาผู้ป่วย การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และการสอบสวนโรค ได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของบุคลากร เนื่องจากบทเรียนของการระบาดในแอฟริกา มีบุคลากรทางการแพทย์รวมอยู่ด้วย จึงต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่
