สธ. จัดประชุมนักประชาสัมพันธ์ สาธารณสุข หวังสื่อสารลดความตื่นตระหนก “โรคอีโบลา” ในคนไทย ย้ำติดต่อผ่านสารคัดหลั่งเมื่อป่วยแล้วเท่านั้น ยืนยันโรคยังไม่เข้าไทย เหตุมีการเฝ้าระวังเข้มการเดินทางตั้งแต่ประเทศต้นทางถึงปลายทาง
วันนี้ (19 ส.ค.) ที่โรงแรมริชมอนด์ นนทบุรี นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุม “โครงการสื่อสารความเสี่ยงโรคติดต่ออุบัติใหม่...ไวรัสอีโบลา กระทรวงสาธารณสุข ปี 2557” แก่บุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านประชาสัมพันธ์ งานสุขศึกษา งานสื่อสารความเสี่ยง จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ว่า สิ่งที่ต้องสื่อสารให้นักประชาสัมพันธ์เข้าใจเพื่อสื่อสารต่อประชาชน ก็คือ ความรู้ความเข้าใจในเรื่องโรคอีโบลา นั่นคือ เชื้อไวรัสจะอยู่ในสารคัดหลั่งของผู้ป่วย คือ เลือด น้ำมูก น้ำลาย น้ำเหลือง ปัสสาวะ อุจจาระ หรือน้ำอสุจิ ติดต่อกันโดยการสัมผัสสิ่งคัดหลั่งเหล่านี้โดยตรง แต่ไม่ติดต่อทางอากาศ และเชื้อจะแพร่ขณะที่มีการป่วยแล้วคือ พ้นระยะการฟักตัวของโรคคือ 2-21 วัน
นพ.วชิระ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ตั้งแต่ มี.ค. - 13 ส.ค. มีผู้ป่วยสะสมรวม 2,127 ราย เสียชีวิต 1,145 ราย โดยพบผู้ป่วยใน 4 ประเทศ ได้แก่ กินี ไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน และเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ในวันที่ 12 - 13 ส.ค. พบผู้ป่วยรายใหม่ 152 ราย เสียชีวิต 72 ราย ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน สถานการณ์รุนแรงสุด และประเทศเซียร์ราลีโอน ถือเป็นการแพร่ระบาดครั้งใหญ่และเป็นความเสี่ยงด้านสาธารณสุขที่ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศทั่วโลก
“มาตรการที่สำคัญและหลายประเทศเริ่มดำเนินการเพื่อการป้องกันเชื้อแพร่ระบาดข้ามประเทศ คือการตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางก่อนออกมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค และก่อนเข้าประเทศปลายทาง จากการประเมินสถานการณ์ของนักวิชาการ พบว่า ไทยมีความเสี่ยงต่ำ และขณะนี้ก็ยังไม่พบผู้ป่วยในไทย แต่ สธ. ก็มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจัดระบบเฝ้าระวังทั้งประเทศ ช่วยให้ค้นหาผู้อาจติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว โดยการตรวจคัดกรองผู้ที่มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่ระบาด 4 ประเทศ ทั้งทางอากาศและทางเรือ จัดระบบการดูแลรักษา ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนการวินิจฉัยอย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้ระบบมีความพร้อมทันทีหากพบผู้ป่วยหรือผู้สงสัย” รองปลัด สธ. กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (19 ส.ค.) ที่โรงแรมริชมอนด์ นนทบุรี นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุม “โครงการสื่อสารความเสี่ยงโรคติดต่ออุบัติใหม่...ไวรัสอีโบลา กระทรวงสาธารณสุข ปี 2557” แก่บุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านประชาสัมพันธ์ งานสุขศึกษา งานสื่อสารความเสี่ยง จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ว่า สิ่งที่ต้องสื่อสารให้นักประชาสัมพันธ์เข้าใจเพื่อสื่อสารต่อประชาชน ก็คือ ความรู้ความเข้าใจในเรื่องโรคอีโบลา นั่นคือ เชื้อไวรัสจะอยู่ในสารคัดหลั่งของผู้ป่วย คือ เลือด น้ำมูก น้ำลาย น้ำเหลือง ปัสสาวะ อุจจาระ หรือน้ำอสุจิ ติดต่อกันโดยการสัมผัสสิ่งคัดหลั่งเหล่านี้โดยตรง แต่ไม่ติดต่อทางอากาศ และเชื้อจะแพร่ขณะที่มีการป่วยแล้วคือ พ้นระยะการฟักตัวของโรคคือ 2-21 วัน
นพ.วชิระ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ตั้งแต่ มี.ค. - 13 ส.ค. มีผู้ป่วยสะสมรวม 2,127 ราย เสียชีวิต 1,145 ราย โดยพบผู้ป่วยใน 4 ประเทศ ได้แก่ กินี ไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน และเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ในวันที่ 12 - 13 ส.ค. พบผู้ป่วยรายใหม่ 152 ราย เสียชีวิต 72 ราย ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน สถานการณ์รุนแรงสุด และประเทศเซียร์ราลีโอน ถือเป็นการแพร่ระบาดครั้งใหญ่และเป็นความเสี่ยงด้านสาธารณสุขที่ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศทั่วโลก
“มาตรการที่สำคัญและหลายประเทศเริ่มดำเนินการเพื่อการป้องกันเชื้อแพร่ระบาดข้ามประเทศ คือการตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางก่อนออกมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค และก่อนเข้าประเทศปลายทาง จากการประเมินสถานการณ์ของนักวิชาการ พบว่า ไทยมีความเสี่ยงต่ำ และขณะนี้ก็ยังไม่พบผู้ป่วยในไทย แต่ สธ. ก็มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจัดระบบเฝ้าระวังทั้งประเทศ ช่วยให้ค้นหาผู้อาจติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว โดยการตรวจคัดกรองผู้ที่มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่ระบาด 4 ประเทศ ทั้งทางอากาศและทางเรือ จัดระบบการดูแลรักษา ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนการวินิจฉัยอย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้ระบบมีความพร้อมทันทีหากพบผู้ป่วยหรือผู้สงสัย” รองปลัด สธ. กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
