ผวาอีโบลา โสมขาวงดบิน “เคนยา” ไนจีเรียวิตกเชื้อแพร่ไปนอก “ลากอส”

เอเจนซีส์ - สายการบินเคเอแอล ของเกาหลีใต้ แถลงในวันพฤหัสบดี (14 ส.ค.) ระงับเที่ยวบินเดินทางไปและกลับจาก “เคนยา” เพื่อเป็นมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอีโบลา ถึงแม้ยังไม่มีรายงานว่าพบผู้ป่วยในประเทศแอฟริกาตะวันออกรายนี้ ส่วนทางพวกชาติแอฟริกาตะวันตกซึ่งกำลังเผชิญกับเชื้อไวรัสมัจจุราชนี้นั้น “กินี” ได้ประกาศใช้ “สถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข” ส่วน “ไนจีเรีย” ยืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 11 ราย

โคเรียน แอร์ไลน์ (เคเอแอล) สายการบินแห่งชาติของเกาหลีใต้ ออกคำแถลงระบุว่า จะระงับเที่ยวบินเดินทางไปกลับระหว่างท่าอากาศยานอินชอน ของเกาหลีใต้ กับ กรุงไนโรบี ของเคนยา ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม

ไนโรบี เป็นจุดหมายในทวีปแอฟริกาเพียงแห่งเดียวของเคเอแอล ซึ่งมีเที่ยวบินเดินทางไปกลับที่นั่นสัปดาห์ละ 3 ครั้ง โดยที่คำแถลงของสายการบินระบุว่าการระงับคราวนี้ก็เพื่อช่วยป้องกันการระบาดของไวรัสอีโบลา และไม่ได้อธิบายอะไรมากกว่านั้น ถึงแม้เวลานี้ เคนยา ซึ่งอยู่ทางแอฟริกาตะวันออก ยังไม่รายงานการพบผู้ป่วยด้วยโรคร้ายแรงนี้ ขณะที่การระบาดระลอกนี้เกิดขึ้นใน กินี, ไลบีเรีย, เซียร์ราลีโอน และ ไนจีเรีย ซึ่งทั้ง 4 ชาติต่างอยู่ทางแอฟริกาตะวันตก

สำหรับสถานการณ์ที่ไนจีเรีย ออนเยบูชี ซุกวู รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขแถลงวันพฤหัสบดี (14) ว่า จำนวนผู้ติดเชื้ออีโบลาที่ได้รับการยืนยันแล้วในไนจีเรียได้เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ราย ส่งผลให้ตัวเลขรวมขณะนี้ขยับขึ้นเป็น 11 ราย

ตัวเลขดังกล่าวประกอบด้วยผู้เสียชีวิต 3 รายและผู้ที่กำลังเข้ารับการรักษา 8 รายที่ห้องแยกผู้ป่วยกรณีพิเศษที่จัดตั้งขึ้นในเมืองลากอส มหานครที่มีประชากร 20 ล้านคน ซุกวู บอกกับผู้สื่อข่าว

ไนจีเรียไม่ได้ระบุว่ามีผู้ป่วยนอกเมืองลากอส แต่ก็มีความกังวลว่าพยาบาลรายหนึ่งที่ติดเชื้อในเมืองนี้อาจเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสชนิดชี้ไปสู่เมืองอีนูกู หัวเมืองสำคัญทางตะวันออกของประเทศ

พยาบาลคนดังกล่าวเป็นหนึ่งในผู้ที่ทำการรักษา แพทริก ซอเยอร์ ลูกจ้างรัฐบาลไลบีเรีย ผู้ที่นำเชื้อไวรัสอีโบลาเข้าไปสู่มหานครลากอสเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม และต่อมาได้เสียชีวิตในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 25 เดือนเดียวกัน

หลังสัมผัสถูกไวรัส พยาบาลรายนี้ได้เดินทางไปยังเมืองอีนูกู ที่ซึ่งเธอได้เริ่มแสดงอาการออกมาให้เห็น ก่อนที่จะถูกส่งตัวกลับมาที่เมืองลากอสเพื่อเข้ารับการรักษา

เมื่อวันพุธ (13) ทางการไนจีเรียแถลงว่า ผู้ที่ได้สัมผัสกับพยาบาลคนดังกล่าวในเมืองอีนูกู 11 คนกำลังถูกเฝ้าสังเกตการณ์

อย่างไรก็ตาม ชุควู ได้แถลงในวันพฤหัสบดี (14) ว่า ในจำนวนผู้ที่ถูกสังเกตการณ์ข้างต้นมีอยู่ 15 คนที่ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหลือเพียงอีก 6 คนเท่านั้นที่ยังต้องเฝ้าติตามต่อไป

ทางด้านกินี ซึ่ง การแพร่ระบาดของ “เชื้อไวรัสอีโบลา” ได้คร่าชีวิตพลเมืองในประเทศไปแล้ว 377 คน เมื่อวันพุธ (13) ประธานาธิบดีอัลฟา กงเด ได้ออกประกาศใช้ “สถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข” โดยมีมาตรการต่างๆ มากมาย เช่น การควบคุมจุดผ่านแดนอย่างเข้มงวด การจำกัดการเดิน และการห้ามเคลื่อนย้ายศพ “จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งจนกว่าการแพร่ระบาดจะยุติลง”

นอกจากนี้ กงเดยังระบุด้วยว่า บรรดาผู้ป่วยที่มีอาการน่าสงสัยจะต้องถูกส่งตัวไปยังสังเกตอาการที่โรงพยาบาลโดยปริยาย จนกว่าแพทย์จะรับประกันว่าพวกเขาไม่ได้ติดเชื้อ

สำหรับองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ถึงวันพุธ (13) ยอดผู้เสียชีวิตจากอีโบลา ซึ่งกำลังเกิดการแพร่ระบาดหนักที่สุด นับแต่ที่มีการค้นพบโรคร้ายชนิดนี้เมื่อ 4 ทศวรรษก่อน ได้ไต่ขึ้นสู่ 1,069 ราย โดยในช่วง 2 วันที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 56 ราย และในตอนนี้มีผู้ติดเชื้อเกือบ 2,000 ราย