xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มปตท.ฟาดกำไร 57,886 ลบ. ครึ่งแรกปี 57 เพิ่ม 21.9%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.ปตท.เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 (1H/2557) ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 57,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น10,395 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.9 จาก 47,491 ล้านบาท ในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 (1H/2556) โดยส่วนใหญ่มาจากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นของ ปตท. โดยเฉพาะจากหน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์โรงแยกก๊าซฯ เพิ่มสูงขึ้นตามราคาปิโตรเคมีอ้างอิง รวมทั้งเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ยังมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัทร่วมในกลุ่มธุรกิจการกลั่นเนื่องจากมีกาไรสต็อกน้ำมันใน 1H/2557 ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 1,433,262 ล้านบาท เพิ่มขึ้น63,855 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.7 ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและกลุ่มธุรกิจน้ำมัน เนื่องจากราคาขายน้ำมันเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก

โดยราคาเฉลี่ยของน้ำมันดิบดูไบเพิ่มขึ้นจาก 104.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลใน 1H/2556 เป็น 105.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลใน 1H/2557

นอกจากนี้ยังมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของ ปตท.สผ. จากการเข้าซื้อบริษัทย่อยของ Hess Corporation ส่งผลให้ใน 1H/2557 ปตท.และบริษัทย่อย มีกำไรก่อนหักต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นและรายได้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน (EBITDA) จำนวน 133,119 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,911 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ใน 1H/2557 มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 9,543 ล้านบาท ลดลง 1,191 หรือร้อยละ 11.1 โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีลดลงทั้งสายอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์ โดยสายอะโรเมติกส์ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (Spread Margin) ของ Paraxylene ปรับลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกำลังการผลิตจากโรงอะโรเมติกส์แห่งใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่อุปสงค์ในผลิตภัณฑ์ขั้นปลายปรับลดลงตามเศรษฐกิจของประเทศจีนที่เริ่มชะลอตัว ทำให้เกิดอุปทานส่วนเกิน ส่วนสายโอเลฟินส์ลดลงเช่นกันเนื่องจากในระหว่าง Q1/2557 โรงโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง มีการปิดซ่อมบารุงตามแผนงานและหยุดผลิตฉุกเฉิน ส่งผลให้ปริมาณผลิตและปริมาณขายลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่า Spread Margin ของผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และโพลิเมอร์ปรับเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดที่ยังอยู่ในระดับสูง

ผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมในกลุ่มธุรกิจการกลั่นเพิ่มขึ้น โดย Accounting GRM ของโรงกลั่น (รวมผลกำไร/ขาดทุนจากสต๊อกน้ามันและการทำ Hedging ทั้งนี้ ไม่รวมหน่วยกลั่นของ PTTGC) ของกลุ่ม ปตท. เพิ่มขึ้นจาก 3.87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ใน 1H/2556 เป็น 4.54 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ใน 1H/2557 โดยหลักเป็นผลจากมีกำไรจากสต็อกน้้ำมันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2557 ในขณะที่ Market GRM ของน้ามันสาเร็จรูปเกือบทุกผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลงตามสภาวะเศรษฐกิจของประเทศจีนที่เริ่มชะลอตัว รวมทั้งใน 1H/2557 โรงกลั่นน้ำมันทุกโรงในกลุ่ม ปตท. มีการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ตามแผนงาน (Major turnaround)

ใน 1H/2557 มีกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนใน Vietnam LPG Co.,Ltd. (VLPG) Nava Nakorn Electricity Generating Co.,Ltd. (NNEG) และ Ratchaburi Power Co.,Ltd. (RPCL) รวมจำนวน 1,033 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 13,897 ล้านบาท หรือร้อยละ 39.8 จาก 34,922 ล้านบาท ใน 1H/2556 เป็น 48,819 ล้านบาท เป็นผลมาจากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นของ ปตท.สผ. ในโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเซียที่เริ่มจำหน่ายน้ำมันดิบตั้งแต่เดือน ส.ค. 2556 และโครงการคอนแทร็ค 4 ตามปริมาณการผลิตและสินทรัพย์พร้อมใช้งานที่เพิ่มขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น