เอเอฟพี - ราคาน้ำมันลงวานนี้ (6 ส.ค.) จากความกังวลต่ออุปสงค์ในอนาคตหลังสิ้นสุดฤดูกาลขับขี่ ขณะที่วอลล์สตรีททรงตัวและทองคำพุ่งขึ้นอย่างแรง หลังรัสเซียออกมาตรการตอบโต้อีกชุด เอาคืนที่ถูกชาติตะวันตกแซงก์ชันกรณีแทรกแซงวิกฤตยูเครน
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 46 เซ็นต์ ปิดที่ 96.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2 เซ็นต์ ปิดที่ 104.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์ยอมรับว่า รู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่ราคาน้ำมันนิวยอร์กปรับลด ทั้งที่รายงานข้อมูลเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ พบว่าสต๊อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.4 ล้านบร์เรลและดีเซลลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าทิศทางของราคาน้ำมันวันพุธ (6) มาจากความกังวลที่ว่าปริมาณการใช้เบนซินอาจลดลงเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลขับขี่ในช่วงอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (6) ปิดในกรอบแคบๆ หลังความคึกคักของนักลงทุนถูกฉุดด้วยข่าวรัสเซียออกมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ตอบโต้ชาติตะวันตก
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 12.14 จุด (0.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,441.61 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 0.10 จุด (0.01 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,920.11 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 2.22 จุด (0.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,355.05 จุด
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียเมื่อวันพุธ (6) สั่งห้ามหรือไม่ก็จำกัดการนำเข้า 1 ปี อาหารและสินค้าทางการเกษตรจากชาติต่างๆ ที่กำหนดมาตรการคว่ำบาตรมอสโกเกี่ยวกับจุดยืนต่อยูเครน ส่วนหนึ่งในแผนตอบโต้เอาคืนของเครมลิน
ปัจจัยความตึงเครียดดังกล่าว ประกอบกับความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซน กระตุ้นให้นักลงทุนหันเข้าหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และเป็นผลให้ราคาทองคำวานนี้ (6) พุ่งขึ้นอย่างแรง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 22.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,308.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์