เอเอฟพี - ราคาน้ำมันพุ่งแรงวานนี้ (21 ก.ค.) จากความกังวลต่ออุปทานที่เบาบางในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับข้อวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนและฉนวนกาซา ซึ่งปัจจัยหลังนี้ก็ฉุดให้วอลล์สตรีทปิดลบและทองคำขยับขึ้นแรง
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.46 ดอลลาร์ ปิดที่ 104.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 44 เซ็นต์ ปิดที่ 107.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์มองว่า ปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังราคาน้ำมันในวันจันทร์ คือรายงานสต๊อกเชื้อเพลิงสำรองของสหรัฐฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเผยให้เห็นว่าคลังน้ำมันดิบสำรองลดลง ขณะที่โรงกลั่นต่างๆ ก็จำเป็นต้องซื้อน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น เพื่อผลิตเบนซินให้เพียงพอกับความต้องการระดับสูงในช่วงฤดูกาลขับขี่
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (21) ขยับลงเล็กน้อย หลังความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์ในยูเครนและฉนวนกาซา เบี่ยงเบนความสนใจของนักลงทุนไปจากรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทต่างๆ
ดาวโจนส์ ลดลง 47.07 จุด (0.28 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,053.11 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 4.49 จุด (0.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,973.73 จุด แนสแดค ลดลง 7.44 จุด (0.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,424.70 จุด
ชาติมหาอำนาจตะวันตกเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย เกี่ยวกับเหตุเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ถูกยิงตกทางภาคตะวันออกของยูเครน ดินแดนที่ยึดครองโดยฝ่ายกบฏ ด้วยสหรัฐฯยืนกรานว่ารัสเซียต้องบีบให้กบฏนิยมมอสโกร่วมมือกับนานาชาติในการพิสูจน์โศกนาฏกรรมดังกล่าว ขณะเดียวกันยอดผู้เสียชีวิตในกาซาก็สูงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางภาคพื้นต่อพวกฮามาส
สองปัจจัยข้างต้นผลักให้นักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อความปลอดภัย และเป็นผลให้ราคาทองคำวานนี้ (21) ปิดในแดนบวก โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 4.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,313.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์