เศรษฐกิจญี่ปุ่นไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย.2014) ที่ผ่านมา ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี ชี้ชัดการขึ้น “ภาษีการขาย” กลายเป็นตัวทำให้ทั้งภาคครัวเรือนลดการใช้จ่ายและภาคเอกชนชะลอการลงทุน อีกทั้งนำไปสู่คำถามที่ว่า นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ จะยืนหยัดเดินหน้าแผนขึ้นภาษีสำคัญประเภทนี้ในปีหน้าต่อไปเพื่อลดระดับหนี้สินภาคสาธารณะของประเทศหรือไม่ รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะกลับลำยอมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือเปล่า อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์หลายคนยังคงเชื่อว่า แดนอาทิตย์อุทัยยังอยู่บนเส้นทางการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอัตราเติบโตของจีดีพีจะกระเตื้องขึ้นอีกครั้งในไตรมาสต่อไป
แม้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 2 ปีนี้ ที่หดตัวลง 1.7% หรือคิดเป็นอัตราต่อปีเท่ากับติดลบ 6.8% ยังคงดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เล็กน้อย แต่ดูเหมือนผิดไปจากความคาดหมายของรัฐบาลและบีโอเจ ซึ่งมองว่า การขึ้นภาษีการขาย (sales tax) ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา จะส่งผลต่อเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อัตราเติบโตของจีดีพีคราวนี้ ซึ่งเปิดเผยออกมาในวันพุธ (13 ส.ค.) ยังถือเป็นตัวเลขที่หดตัวครั้งแรกนับจากช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2012
ปี 2013 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจแดนอาทิตย์อุทัยสามารถดีดขึ้นต่อเนื่อง จากแผนกระตุ้นการเติบโตของนายกรัฐมนตรีอาเบะ ที่เรียกขานกันว่า “อาเบะโนมิกส์” โดยได้รับการสนับสนุนจากการอ่อนตัวของค่าเงินเยนที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการทำกำไรของผู้ส่งออกและดันตลาดหุ้นโลดลิ่ว และมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินขนานใหญ่ของบีโอเจเป็นโครงสร้างหลัก
ทว่า นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า การเติบโตอันเข้มแข็งอาจสะดุดลงจากการปรับขึ้นอัตราภาษีการขายในเดือนเมษายน จาก 5% เป็น 8% ซึ่งถือเป็นการขึ้นภาษีประเภทนี้ครั้งแรกในรอบ 17 ปี
แล้วความเป็นจริงก็ออกมาอย่างที่มีการเตือนกันไว้ โดยที่พวกผู้บริโภคต่างพากันจับจ่ายทิ้งทวนก่อนที่รัฐบาลจะขึ้นภาษีการขายเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราเติบโตต่อปีในไตรมาสแรกของปีนี้พุ่งขึ้นถึง 6.1% แต่หลังจากนั้นอุปสงค์ก็ทรุดฮวบ โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนรูดลง 5.2% ขณะที่การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ตกฮวบ 10.3% และการใช้จ่ายเงินทุนลดลง 2.5%
แม้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 2 ปีนี้ ที่หดตัวลง 1.7% หรือคิดเป็นอัตราต่อปีเท่ากับติดลบ 6.8% ยังคงดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เล็กน้อย แต่ดูเหมือนผิดไปจากความคาดหมายของรัฐบาลและบีโอเจ ซึ่งมองว่า การขึ้นภาษีการขาย (sales tax) ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา จะส่งผลต่อเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อัตราเติบโตของจีดีพีคราวนี้ ซึ่งเปิดเผยออกมาในวันพุธ (13 ส.ค.) ยังถือเป็นตัวเลขที่หดตัวครั้งแรกนับจากช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2012
ปี 2013 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจแดนอาทิตย์อุทัยสามารถดีดขึ้นต่อเนื่อง จากแผนกระตุ้นการเติบโตของนายกรัฐมนตรีอาเบะ ที่เรียกขานกันว่า “อาเบะโนมิกส์” โดยได้รับการสนับสนุนจากการอ่อนตัวของค่าเงินเยนที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการทำกำไรของผู้ส่งออกและดันตลาดหุ้นโลดลิ่ว และมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินขนานใหญ่ของบีโอเจเป็นโครงสร้างหลัก
ทว่า นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า การเติบโตอันเข้มแข็งอาจสะดุดลงจากการปรับขึ้นอัตราภาษีการขายในเดือนเมษายน จาก 5% เป็น 8% ซึ่งถือเป็นการขึ้นภาษีประเภทนี้ครั้งแรกในรอบ 17 ปี
แล้วความเป็นจริงก็ออกมาอย่างที่มีการเตือนกันไว้ โดยที่พวกผู้บริโภคต่างพากันจับจ่ายทิ้งทวนก่อนที่รัฐบาลจะขึ้นภาษีการขายเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราเติบโตต่อปีในไตรมาสแรกของปีนี้พุ่งขึ้นถึง 6.1% แต่หลังจากนั้นอุปสงค์ก็ทรุดฮวบ โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนรูดลง 5.2% ขณะที่การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ตกฮวบ 10.3% และการใช้จ่ายเงินทุนลดลง 2.5%