นายธกร เลาหพงศ์ชนะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมภายใต้แผนธุรกิจระยะ 3 ปี (2557-2559) กำหนดผลประกอบการแต่ละปีมีการเติบโตด้วยเลข 2 หลักหรือขยายตัวมากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมวินาศภัย อีกทั้งยังตอบสนองนโยบายการเพิ่มศักยภาพของบริษัทประกันภัยตามนโยบายการกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่มุ่งให้ธุรกิจประกันภัยไม่ว่ารายเล็กหรือใหญ่จะต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯทั้งหมด
ดังนั้นแผนงานของบริษัทเจ้าพระยาฯจะโฟกัสใน 3-4 เรื่องคือ 1.การเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2558 โดยคาดว่าจะหาบริษัทที่ปรึกษาและสรุปรายละเอียดเร็วๆนี้
เรื่องที่ 2 เป็นแผนที่ทำต่อเนื่องจากเรื่องแรก คือ แผนการเพิ่มทุนในไตรมาสที่ 3ของปีนี้อีก 250 ล้านบาทโดยระดมทุนภายในบริษัทจากทุนจดทะเบียนที่มีอยู่ 630 ล้านบาท ซึ่งภายในสิ้นปีนี้บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนสะสมจำนวน 880 ล้านบาท
สำหรับเหตุผลหลักทางคณะกรรมการบริหารของบริษัท (บอร์ด)ตัดสินใจเพิ่มทุนครั้งนี้เพื่อรองรับอัตราการขยายตัวของงานรับประกันภัยทั้งงานทรัพย์สินและประกันรถยนต์ในอนาคตปี 2560 ซึ่งจะได้เห็นอัตราการขยายตัวของเบี้ยเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากที่บริษัทได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว เช่นในปี 2560 บริษัทกำหนดเป้าเบื้องต้นจะต้องมีเบี้ยประกันรับรวมจำนวน 4พันล้านบาท ส่วนเป้าหมายระยะยาวในอนาคตจะได้เห็นบริษัทจะขยับเข้าสู่บริษัทที่มีเบี้ยประกันภัยขนาดกลาง หรือติดอันดับ 1 ใน 20
เรื่องที่ 3 เน้นการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มประกันภัยรถยนต์ ที่เฉลี่ยจะเปิดตัว 2 โปรดักต์ต่อปี โดยผลิตภัณฑ์หรือ "แบบประกันภัยรถยนต์ 3+First Class"ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ต้นเดือน สิงหาคมที่ผ่านมาจะเป็นโปรดักต์ทิ้งทวนสำหรับปีนี้ ข้อดีของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแม้จะเป็นแบบประกันภัยรถยนต์ที่อยู่ในตระกูล 3 พลัส แต่บริษัทได้พัฒนาให้แตกต่างจากคู่แข่ง คือ ขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมถึงกรณีรถคว่ำและรถตกข้างทาง ซึ่งปกติแล้วในท้องตลาดจะคุ้มครองกรณีรถชนรถและต้องมีคู่กรณีเท่านั้น ขณะเดียวกันบริษัทยังเพิ่มบริการเสริมช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงและเติมน้ำมันฟรี ทั้งนี้ มั่นใจว่าแบบประกันดังกล่าวจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาดและผู้ที่ต้องการการบริการที่คุ้มกับเม็ดเงิน โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติขับรถดีและมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อย คิดเป็นเบี้ยรับน่าจะอยู่ที่มากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี
นายธกร ยังกล่าวถึงสถานการณ์ตลาดเงินอัตราการขยายตัวของธุรกิจประกันภัยปีนี้ว่า ตั้งแต่ต้นปี บริษัทกำหนดเป้าและเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 2,600ล้านบาท ขยายตัวมากกว่า 30% ครึ่งปีแรกบริษัทมีอัตราการขยายตัวสูงเกินเป้า คิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับที่ 1,500 ล้านบาท ใกล้เคียงการรับประกัน ภัยทั้งปีของปี 2556 ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,980 ล้านบาท เรียกว่าแผนธุรกิจมาถูกทาง เห็นได้จากการขยายตัวของเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"ยอมรับว่า 2ปีก่อน(2555-2556) ตลาดประกันวินาศภัยเติบโตสูงมากถึง 20%โดยเฉพาะแรงหนุนจากรถคันแรก ดังนั้นปีนี้จะเห็นตลาดประกันภัยรถยนต์หดตัวลงอย่างมาก ทำให้ภาพรวมขยายตัวในอัตราต่ำ"
สำหรับเจ้าพระยาประกันภัย ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งอาจมาจากการใช้แผนกลยุทธ์โดยอิงไปที่ตัวลูกค้าและบริการที่เหมาะสมกับราคา โดยหลายปีที่ผ่านมาบริษัทค่อยๆ ปรับฐานลูกค้าทำให้ปัจจุบันเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่กินสัดส่วนไม่สูงมากเมื่อเทียบจากสัดส่วน (พอร์ต) งานรับประกันภัยทั้งหมด นอกจากนี้การรับประกันภัยรถยนต์ยังเลือกกลุ่มรถยนต์ โดยรถยนต์เล็กสัดส่วนงานรับประกันภัยน้อยมาก ไม่ถึง 5% ส่วนรถยนต์หรู หรือ ซูเปอร์คาร์นั้น แทบไม่มีสัดส่วนการรับประกันภัยแม้จะเป็นรถผู้บริหาร เพราะบริษัทตั้งกฎไว้ไม่มีนโยบายรับประกันภัยสำหรับรถกลุ่มดังกล่าว
ดังนั้นแผนงานของบริษัทเจ้าพระยาฯจะโฟกัสใน 3-4 เรื่องคือ 1.การเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2558 โดยคาดว่าจะหาบริษัทที่ปรึกษาและสรุปรายละเอียดเร็วๆนี้
เรื่องที่ 2 เป็นแผนที่ทำต่อเนื่องจากเรื่องแรก คือ แผนการเพิ่มทุนในไตรมาสที่ 3ของปีนี้อีก 250 ล้านบาทโดยระดมทุนภายในบริษัทจากทุนจดทะเบียนที่มีอยู่ 630 ล้านบาท ซึ่งภายในสิ้นปีนี้บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนสะสมจำนวน 880 ล้านบาท
สำหรับเหตุผลหลักทางคณะกรรมการบริหารของบริษัท (บอร์ด)ตัดสินใจเพิ่มทุนครั้งนี้เพื่อรองรับอัตราการขยายตัวของงานรับประกันภัยทั้งงานทรัพย์สินและประกันรถยนต์ในอนาคตปี 2560 ซึ่งจะได้เห็นอัตราการขยายตัวของเบี้ยเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากที่บริษัทได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว เช่นในปี 2560 บริษัทกำหนดเป้าเบื้องต้นจะต้องมีเบี้ยประกันรับรวมจำนวน 4พันล้านบาท ส่วนเป้าหมายระยะยาวในอนาคตจะได้เห็นบริษัทจะขยับเข้าสู่บริษัทที่มีเบี้ยประกันภัยขนาดกลาง หรือติดอันดับ 1 ใน 20
เรื่องที่ 3 เน้นการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มประกันภัยรถยนต์ ที่เฉลี่ยจะเปิดตัว 2 โปรดักต์ต่อปี โดยผลิตภัณฑ์หรือ "แบบประกันภัยรถยนต์ 3+First Class"ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ต้นเดือน สิงหาคมที่ผ่านมาจะเป็นโปรดักต์ทิ้งทวนสำหรับปีนี้ ข้อดีของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแม้จะเป็นแบบประกันภัยรถยนต์ที่อยู่ในตระกูล 3 พลัส แต่บริษัทได้พัฒนาให้แตกต่างจากคู่แข่ง คือ ขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมถึงกรณีรถคว่ำและรถตกข้างทาง ซึ่งปกติแล้วในท้องตลาดจะคุ้มครองกรณีรถชนรถและต้องมีคู่กรณีเท่านั้น ขณะเดียวกันบริษัทยังเพิ่มบริการเสริมช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงและเติมน้ำมันฟรี ทั้งนี้ มั่นใจว่าแบบประกันดังกล่าวจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาดและผู้ที่ต้องการการบริการที่คุ้มกับเม็ดเงิน โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติขับรถดีและมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อย คิดเป็นเบี้ยรับน่าจะอยู่ที่มากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี
นายธกร ยังกล่าวถึงสถานการณ์ตลาดเงินอัตราการขยายตัวของธุรกิจประกันภัยปีนี้ว่า ตั้งแต่ต้นปี บริษัทกำหนดเป้าและเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 2,600ล้านบาท ขยายตัวมากกว่า 30% ครึ่งปีแรกบริษัทมีอัตราการขยายตัวสูงเกินเป้า คิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับที่ 1,500 ล้านบาท ใกล้เคียงการรับประกัน ภัยทั้งปีของปี 2556 ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,980 ล้านบาท เรียกว่าแผนธุรกิจมาถูกทาง เห็นได้จากการขยายตัวของเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"ยอมรับว่า 2ปีก่อน(2555-2556) ตลาดประกันวินาศภัยเติบโตสูงมากถึง 20%โดยเฉพาะแรงหนุนจากรถคันแรก ดังนั้นปีนี้จะเห็นตลาดประกันภัยรถยนต์หดตัวลงอย่างมาก ทำให้ภาพรวมขยายตัวในอัตราต่ำ"
สำหรับเจ้าพระยาประกันภัย ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งอาจมาจากการใช้แผนกลยุทธ์โดยอิงไปที่ตัวลูกค้าและบริการที่เหมาะสมกับราคา โดยหลายปีที่ผ่านมาบริษัทค่อยๆ ปรับฐานลูกค้าทำให้ปัจจุบันเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่กินสัดส่วนไม่สูงมากเมื่อเทียบจากสัดส่วน (พอร์ต) งานรับประกันภัยทั้งหมด นอกจากนี้การรับประกันภัยรถยนต์ยังเลือกกลุ่มรถยนต์ โดยรถยนต์เล็กสัดส่วนงานรับประกันภัยน้อยมาก ไม่ถึง 5% ส่วนรถยนต์หรู หรือ ซูเปอร์คาร์นั้น แทบไม่มีสัดส่วนการรับประกันภัยแม้จะเป็นรถผู้บริหาร เพราะบริษัทตั้งกฎไว้ไม่มีนโยบายรับประกันภัยสำหรับรถกลุ่มดังกล่าว
