AXA ประกันภัยชี้ประกันสุขภาพเริ่มบูม คนไทยใส่ใจป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น มั่นใจทั้งปีเก็บเบี้ยโตตามเป้า แม้ครึ่งปีแรกหืดจับโต 4% กวาดเบี้ยไป 1.5 พันล้านบาท ระบุแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นและประกันสุขภาพช่วยหนุน ส่วนประกันรถยนต์แผ่วหลังหมดมาตรการรถคันแรก
นายมาร์ติน รูแอด กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทแอกซ่าประกันภัย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจและปัญหาการเมือง โดยมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับ 1,567 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4% ซึ่งสูงกว่าภาพรวมของธุรกิจประกันวินาศภัยที่มีอัตราเติบโตเพียง 1.1% ซึ่งการเติบโตทั้งหมดจะแบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรายบุคคล 769 ล้านบาท ลดลง 5% เบี้ยประกันภัยรายบริษัท 666 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8% และสุดท้ายเบี้ยประกันสุขภาพ 132 ล้านบาท เติบโตขึ้น 59%
ส่วนแนวโน้มในครึ่งปีหลังบริษัทยังเชื่อว่าจะสามารถทำเบี้ยประกันได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ สูงกว่าภาพรวมของตลาดและมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ซึ่งน่าจะมากจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม และการเติบโตของตลาดประกันสุขภาพของประเทศไทย
“ช่วงครึ่งปีแรกตลาดโตไม่มากนักเพราะจะเห็นได้ว่าคนใช้จ่ายไปกับรถคันแรกมากแล้วและคงไม่มีคันที่สองตามมา รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจและปัญหาการเมือง ซึ่งในช่วงครึ่งหลังน่าจะดีขึ้นเพราะเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว และการเติบโตของประกันสุขภาพหลังจากประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมสูงอายุ และคนไทยหันมาตระหนักในเรื่องของความเสี่ยงด้านสุขภาพมากขึ้น”
นายมาร์ติน กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะเน้นการขยายฐานลูกค้ารายย่อยมากขึ้นโดยเฉพาะการประกันสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้าอยู่กว่า 10,000 รายจากฐานลูกค้าของบริษัทกว่า 100,000 ราย โดยจะมีการนำกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยี และโซเชียลเน็ตเวิร์กเข้ามามีส่วนช่วยในการสร้างแบรนด์ของบริษัทมากขึ้น รวมถึงการให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ ที่จะมีการขยายให้สามารถต่อประกันภัยด้วยตนเองโดยไม่ต้องผ่านตัวแทนที่จะเริ่มได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทยังได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ AXA Drive ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบและปรับปรุงพฤติกรรมการขับรถได้ดียิ่งขึ้น โดยสามารถดาวน์โหลดลงสมาร์ทโฟนนำโปรแกรมมาช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมในการขับขี่ที่ไม่ดีได้ เช่น การเลี้ยวหรือเข้าโค้งเร็วและเสี่ยงเกินไป การเบรกกะทันหัน รวมถึงการขับรถเร็วเกินอัตราที่กำหนด
“แอปพลิเคชันนี้จะช่วยให้สามารถทราบถึงพฤติกรรมของผู้ใช้รถ หลังจากที่ผ่านมาอัตราการเกิดเหตุบนท้องถนนมีอัตราสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุหลักทั้งจากความประมาท การใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ โดยจะมีการประมวลผลและให้คะแนนรายงานต่อผู้ใช้ นอกจากนี้ยังสามารถแชร์ประสบการณ์ของผู้ใช้บนโลกโซเชียลได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือกูเกิลพลัส”นายมาร์ตินกล่าว