ASTVผู้จัดการรายวัน - ธุรกิจประกันภัยดิ้นหลังตลาดรถยนต์ซบเซา แถมต้นทุนพุ่งจากค่าดำเนินงานการซ่อม สวนทางเบี้ยประกันภัยต่ำลง 5-10% เหตุแข่งกันแย่งลูกค้า ด้าน“แมกซี่ โบรกเกอร์” คลอดโปรดัดต์ใหม่ ประกันภัยวงเงินความเสี่ยงระหว่างทุนประกันภัยรถยนต์ หวังดันเป้าขายปีนี้ 1,000 ล้านบาท
นายจิตติวุฒิ ศศิบุตร ในฐานะนายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซี่ อินชัวร์รัน โบรกเกอร์ จำกัด ในเครือบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น(เอเชีย) จำกัด เปิดเผยว่า ในภาวะที่ตลาดรถยนต์หดตัว รถใหม่ป้ายแดงออกมาในท้องตลาดน้อยลง ทำให้ธุรกิจประกันวินาศภัยและนายหน้าประกันภัยเกิดการแข่งขันกันสูงขึ้น เพราะต่างต้องทำรายได้ให้ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้
“เค้กก้อนเท่าเดิม แต่การแข่งขันสูงขึ้น ดังนั้นจึงเกิดการตัดราคาส่งผลให้เบี้ยประกันภัยต่ำลงประมาณ 5-10% สวนทางกับต้นทุนการดำเนินงานในการซ่อม และอัตราความเสียหายต่อเบี้ยประกันภัยรับที่เพิ่มขึ้น (Loss Ratio) ซึ่งบริษัทประกันภัยต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด”
ทั้งนี้ค่ายรถยนต์ต่างประเมิณสถานการณ์ว่ายอดขายรวมปีนี้จะลดลงประมาณ 30-40% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ดังนั้นตลาดประกันภัยในปี 2557 จะมีการปรับตัวขึ้นเพียง11% ขณะที่ปี 2556 ปรับตัวเพิ่มจากปี 2555ถึง 13%
นายจิตติวุฒิ ยังกล่าวถึงผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรก(ม.ค.-มิ.ย.57)ของบริษัทแมกซี่ว่า สามารถทำเบี้ยประกันภัยได้ที่ 459ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 554ล้านบาท ดังนั้นบริษัทจึงได้ปรับวางกลยุทธ์และแผนการตลาดเพื่อให้ถึงเป้าหมาย อาทิ จัดตั้งแผนกขยายงานธุรกิจองค์กรและสวัสดิการกลุ่มสำหรับเจาะกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เป็นลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ รวมถึง ดีลเลอร์รถยนต์ต่างๆ พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น GAP Ins. หรือประกันภัยวงเงินความเสี่ยงระหว่างทุนประกันภัยรถยนต์และราคารถใหม่หรือเงินกู้
นอกจากนี้บริษัทยังได้เน้นนโยบายการรักษาฐานลูกค้าในการต่ออายุกรมธรรม์ให้มากขึ้น โดยในปัจจุบัน มีลูกค้าต่ออายุกรมธรรม์กับบริษัทเฉลี่ยประมาณ 60-70% พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายการรักษาฐานลูกค้าให้เพิ่มมากกว่า 80% ขึ้นไป ด้วยระบบการเตือนต่ออายุกรมธรรม์ให้เร็วขึ้น พร้อมทำ Direct Mail ถึงลูกค้า เพื่อให้ลูกค้านึกถึงบริษัทฯก่อนการต่ออายุกรมธรรม์ทุกครั้ง รวมไปถึงสร้างช่องทางเข้าถึงบริษัทให้ง่ายมากขึ้นโดยการขายประกันรถยนต์, อุบัติเหตุและเดินทาง ผ่านทาง Application ของ Iphone และ Android คาดว่าจากทุกแผนงานจะเอื้อให้บริษัททำเบี้ยประกันภัยได้ตามเป้าหมายปีนี้ที่ 1,000 ล้านบาท หรือเพิ่มจากปี 2556 ที่ทำได้ 750 ล้านบาท
นายจิตติวุฒิ ศศิบุตร ในฐานะนายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซี่ อินชัวร์รัน โบรกเกอร์ จำกัด ในเครือบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น(เอเชีย) จำกัด เปิดเผยว่า ในภาวะที่ตลาดรถยนต์หดตัว รถใหม่ป้ายแดงออกมาในท้องตลาดน้อยลง ทำให้ธุรกิจประกันวินาศภัยและนายหน้าประกันภัยเกิดการแข่งขันกันสูงขึ้น เพราะต่างต้องทำรายได้ให้ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้
“เค้กก้อนเท่าเดิม แต่การแข่งขันสูงขึ้น ดังนั้นจึงเกิดการตัดราคาส่งผลให้เบี้ยประกันภัยต่ำลงประมาณ 5-10% สวนทางกับต้นทุนการดำเนินงานในการซ่อม และอัตราความเสียหายต่อเบี้ยประกันภัยรับที่เพิ่มขึ้น (Loss Ratio) ซึ่งบริษัทประกันภัยต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด”
ทั้งนี้ค่ายรถยนต์ต่างประเมิณสถานการณ์ว่ายอดขายรวมปีนี้จะลดลงประมาณ 30-40% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ดังนั้นตลาดประกันภัยในปี 2557 จะมีการปรับตัวขึ้นเพียง11% ขณะที่ปี 2556 ปรับตัวเพิ่มจากปี 2555ถึง 13%
นายจิตติวุฒิ ยังกล่าวถึงผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรก(ม.ค.-มิ.ย.57)ของบริษัทแมกซี่ว่า สามารถทำเบี้ยประกันภัยได้ที่ 459ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 554ล้านบาท ดังนั้นบริษัทจึงได้ปรับวางกลยุทธ์และแผนการตลาดเพื่อให้ถึงเป้าหมาย อาทิ จัดตั้งแผนกขยายงานธุรกิจองค์กรและสวัสดิการกลุ่มสำหรับเจาะกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เป็นลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ รวมถึง ดีลเลอร์รถยนต์ต่างๆ พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น GAP Ins. หรือประกันภัยวงเงินความเสี่ยงระหว่างทุนประกันภัยรถยนต์และราคารถใหม่หรือเงินกู้
นอกจากนี้บริษัทยังได้เน้นนโยบายการรักษาฐานลูกค้าในการต่ออายุกรมธรรม์ให้มากขึ้น โดยในปัจจุบัน มีลูกค้าต่ออายุกรมธรรม์กับบริษัทเฉลี่ยประมาณ 60-70% พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายการรักษาฐานลูกค้าให้เพิ่มมากกว่า 80% ขึ้นไป ด้วยระบบการเตือนต่ออายุกรมธรรม์ให้เร็วขึ้น พร้อมทำ Direct Mail ถึงลูกค้า เพื่อให้ลูกค้านึกถึงบริษัทฯก่อนการต่ออายุกรมธรรม์ทุกครั้ง รวมไปถึงสร้างช่องทางเข้าถึงบริษัทให้ง่ายมากขึ้นโดยการขายประกันรถยนต์, อุบัติเหตุและเดินทาง ผ่านทาง Application ของ Iphone และ Android คาดว่าจากทุกแผนงานจะเอื้อให้บริษัททำเบี้ยประกันภัยได้ตามเป้าหมายปีนี้ที่ 1,000 ล้านบาท หรือเพิ่มจากปี 2556 ที่ทำได้ 750 ล้านบาท