ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY มีความเชื่อมั่นว่าเมื่อหุ้น RICHY ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งปรเทศไทย (SET) ในวันที่ 7 สิงหาคม 2557 จะได้รับการตอบรับที่อบอุ่นและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนที่จองซื้อหุ้น โดยที่ผ่านมากระแสตอบรับในช่วงเปิดขายหุ้น IPO ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มในอนาคตธุรกิจของ RICHY จะขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความโดดเด่นในหลายๆ ด้าน มีบุคคลากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะและได้ทำวิจัยอย่างเจาะลึกในทุกโครงการก่อนที่จะออกแบบ และดำเนินการก่อสร้าง รวมถึงก่อนการขาย และให้ความสำคัญกับวัสดุที่มีคุณภาพทำให้อัตราการขายของแต่ละโครงการอยู่ในระดับสูงกว่า 80-90% ขึ้นไป ส่งผลให้ตลอดระยะเวลา 12 ปี ที่ผ่านมาบริษัทมีผลกำไรในทุกๆปี และมีกำไรขั้นต้นอยู่ในอัตราที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม โดยสิ้นปี 2556 มีกำไรขั้นต้นที่ 36% แม้ว่าไตรมาส 1/2557 จะปรับลดลงเหลือ 29% แต่เป็นไปตามฤดูกาล ที่โครงการส่วนใหญ่ของบริษัทจะเปิดขายในช่วงปลายปี จึงมั่นใจว่าในปีนี้กำขั้นต้นจะเติบโตไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา
"หลังจากที่ได้เงินจากการระดมทุนเข้ามา เราจะนำไปใช้ขยายโครงการใหม่ทันที ซึ่งขณะนี้ได้ดูที่ดินไว้หลายแปลง หลังจากนี้จะเริ่มดำเนินการซื้อที่ดินและทำตามขั้นตอนทันที เพื่อให้ผลประกอบการเติบโตต่ออย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้บริษัทก้าวไปสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ 1 ใน 20 ของประเทศภายในระยะเวลา 10 ปี โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO ประมาณ 706 ล้านบาทจะนำไปลงทุนในโครงการใหม่ทั้งหมด โดยไม่มีการแบ่งไปชำระหนี้แต่อย่างใด”
โดยขณะนี้ RICHY มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1,300-1,400 ล้านบาท โดยในปีนี้จะรับรู้ยอดโอนจากคอนโดมิเนียม 80-90% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนั้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีการรับรู้รายได้จากโครงการริชพาร์ค@เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 1,700 ล้านบาท ขณะนี้มียอดจองแล้วกว่า 50% ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วที่มีรายได้อยู่ที่ 1,205.92 ล้านบาท นอกจากนี้จะยังมีโครงการใหม่คือ เดอะริชวิลล์ ราชพฤกษ์ เป็นโครงการบ้านทรงอิสระ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ดังนั้นจากปัจจัยพื้นฐานดังกล่าว และแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้น RICHY จึงเชื่อมั่นว่าหุ้นน้องใหม่จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องหลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไปแล้ว
ด้านบล.โกลเบล็ก ประเมินราคาเป้าหมาย บมจ.ริชี่เพลซ 2002 ที่ 6.41 บาท ชูผลงานโดดเด่น มาร์จิ้นเฉลี่ยย้อยหลัง 2 ปี 37.7% กำไรสุทธิเฉลี่ย16.9% เหตุมีโครงการสวยบนทำเลใกล้รถไฟฟ้า แถมสร้างเสร็จเร็วก่อนกำหนด คุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเมินรายได้ปี 2559 แตะ 3,000 ล้านบาท EPS 3 ปีข้างหน้า 56%
นายจักรกริช เจริญเมธาชัย กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่าได้ทำการประเมินได้ปัจจัยพื้นฐานของ บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY โดยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 6.41 บาท ซึ่งเป็นการประเมินจากวิธีคิดลดกระแสเงินสดจากส่วนผู้ถือหุ้น โดยให้ Terminal Multiple ที่ 8.5 เท่า ณ สิ้นปี 2559 เทียบกับ Trading Multiple ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 8-16 เท่า และคิดส่วนลดของต้นทุนของหุ้นสามัญและกำไรสะสมทำให้ได้ราคาดังกล่าว
ทั้งนี้ประเมินจากปัจจัยพื้นฐานที่พบว่าเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายที่มีความโดดเด่น เนื่องจากทำเลที่ตั้งของโครงการตั้งอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าในรัศมีไม่เกิน 100 เมตร และบริษัทมีความสามารถในการบริหารต้นทุนและเวลาในการก่อสร้าง เนื่องจากผู้บริหารและทีมงานมีประสบการณ์การบริหารงานที่ยาวนาน ก่อนที่จะมาก่อตั้งบริษัทและเปิดดำเนินการมาแล้ว 12 ปี
นอกจากนี้อัตราการขายของแต่ละโครงการอยู่ในระดับสูงกว่า 80-90% ขึ้นไป และมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยจากปี 2555-2556 ที่ 37.7% และกำไรสุทธิเฉลี่ยที่ 16.9% แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการหาทำเลที่มีศักยภาพ และการควบคุมต้นทุนก่อสร้างและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อสร้างเสร็จก่อนกำหนด
ทั้งนี้ได้ประมาณการรายได้จะเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาทในปี 2559 จากปี 2556 ที่มีรายได้ 1,200 ล้านบาท โดยหลังจาก IPO ประมาณการฐานเงินทุนปี 2558 อยู่ที่ 1,500-2,000 ล้านบาท คาดอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) จะอยู่ที่ 56% ในช่วง 3 ปี ข้างหน้า แม่ว่าจากขนาดที่ขยายขึ้น บริษัทก็ต้องมีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและค่าวัสดุก่อสร้างตามมา
เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มในอนาคตธุรกิจของ RICHY จะขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความโดดเด่นในหลายๆ ด้าน มีบุคคลากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะและได้ทำวิจัยอย่างเจาะลึกในทุกโครงการก่อนที่จะออกแบบ และดำเนินการก่อสร้าง รวมถึงก่อนการขาย และให้ความสำคัญกับวัสดุที่มีคุณภาพทำให้อัตราการขายของแต่ละโครงการอยู่ในระดับสูงกว่า 80-90% ขึ้นไป ส่งผลให้ตลอดระยะเวลา 12 ปี ที่ผ่านมาบริษัทมีผลกำไรในทุกๆปี และมีกำไรขั้นต้นอยู่ในอัตราที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม โดยสิ้นปี 2556 มีกำไรขั้นต้นที่ 36% แม้ว่าไตรมาส 1/2557 จะปรับลดลงเหลือ 29% แต่เป็นไปตามฤดูกาล ที่โครงการส่วนใหญ่ของบริษัทจะเปิดขายในช่วงปลายปี จึงมั่นใจว่าในปีนี้กำขั้นต้นจะเติบโตไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา
"หลังจากที่ได้เงินจากการระดมทุนเข้ามา เราจะนำไปใช้ขยายโครงการใหม่ทันที ซึ่งขณะนี้ได้ดูที่ดินไว้หลายแปลง หลังจากนี้จะเริ่มดำเนินการซื้อที่ดินและทำตามขั้นตอนทันที เพื่อให้ผลประกอบการเติบโตต่ออย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้บริษัทก้าวไปสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ 1 ใน 20 ของประเทศภายในระยะเวลา 10 ปี โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO ประมาณ 706 ล้านบาทจะนำไปลงทุนในโครงการใหม่ทั้งหมด โดยไม่มีการแบ่งไปชำระหนี้แต่อย่างใด”
โดยขณะนี้ RICHY มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1,300-1,400 ล้านบาท โดยในปีนี้จะรับรู้ยอดโอนจากคอนโดมิเนียม 80-90% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนั้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีการรับรู้รายได้จากโครงการริชพาร์ค@เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 1,700 ล้านบาท ขณะนี้มียอดจองแล้วกว่า 50% ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วที่มีรายได้อยู่ที่ 1,205.92 ล้านบาท นอกจากนี้จะยังมีโครงการใหม่คือ เดอะริชวิลล์ ราชพฤกษ์ เป็นโครงการบ้านทรงอิสระ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ดังนั้นจากปัจจัยพื้นฐานดังกล่าว และแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้น RICHY จึงเชื่อมั่นว่าหุ้นน้องใหม่จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องหลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไปแล้ว
ด้านบล.โกลเบล็ก ประเมินราคาเป้าหมาย บมจ.ริชี่เพลซ 2002 ที่ 6.41 บาท ชูผลงานโดดเด่น มาร์จิ้นเฉลี่ยย้อยหลัง 2 ปี 37.7% กำไรสุทธิเฉลี่ย16.9% เหตุมีโครงการสวยบนทำเลใกล้รถไฟฟ้า แถมสร้างเสร็จเร็วก่อนกำหนด คุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเมินรายได้ปี 2559 แตะ 3,000 ล้านบาท EPS 3 ปีข้างหน้า 56%
นายจักรกริช เจริญเมธาชัย กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่าได้ทำการประเมินได้ปัจจัยพื้นฐานของ บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY โดยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 6.41 บาท ซึ่งเป็นการประเมินจากวิธีคิดลดกระแสเงินสดจากส่วนผู้ถือหุ้น โดยให้ Terminal Multiple ที่ 8.5 เท่า ณ สิ้นปี 2559 เทียบกับ Trading Multiple ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 8-16 เท่า และคิดส่วนลดของต้นทุนของหุ้นสามัญและกำไรสะสมทำให้ได้ราคาดังกล่าว
ทั้งนี้ประเมินจากปัจจัยพื้นฐานที่พบว่าเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายที่มีความโดดเด่น เนื่องจากทำเลที่ตั้งของโครงการตั้งอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าในรัศมีไม่เกิน 100 เมตร และบริษัทมีความสามารถในการบริหารต้นทุนและเวลาในการก่อสร้าง เนื่องจากผู้บริหารและทีมงานมีประสบการณ์การบริหารงานที่ยาวนาน ก่อนที่จะมาก่อตั้งบริษัทและเปิดดำเนินการมาแล้ว 12 ปี
นอกจากนี้อัตราการขายของแต่ละโครงการอยู่ในระดับสูงกว่า 80-90% ขึ้นไป และมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยจากปี 2555-2556 ที่ 37.7% และกำไรสุทธิเฉลี่ยที่ 16.9% แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการหาทำเลที่มีศักยภาพ และการควบคุมต้นทุนก่อสร้างและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อสร้างเสร็จก่อนกำหนด
ทั้งนี้ได้ประมาณการรายได้จะเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาทในปี 2559 จากปี 2556 ที่มีรายได้ 1,200 ล้านบาท โดยหลังจาก IPO ประมาณการฐานเงินทุนปี 2558 อยู่ที่ 1,500-2,000 ล้านบาท คาดอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) จะอยู่ที่ 56% ในช่วง 3 ปี ข้างหน้า แม่ว่าจากขนาดที่ขยายขึ้น บริษัทก็ต้องมีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและค่าวัสดุก่อสร้างตามมา