นายสมชัย ศิริวัฒนโชค ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงผลการเจรจากับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้า MRT สายเฉลิมรัชมงคล ถึงการชะลอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการคืนความสุขให้กับประชาชน ว่า บริษัท BMCL ยินดีให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยจะชะลอการจัดเก็บอัตราค่าโดยสารออกไปก่อน จากเดิมที่บริษัท BMCL จะต้องปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารขึ้นระยะละ 1-2 บาท จากปัจจุบันจัดเก็บที่อัตรา 16-40 บาท เป็น 16-42 บาท โดยราคาเริ่มต้นแรกเข้าระบบยังอยู่ที่ 16 บาทเท่าเดิม ซึ่งจะจัดเก็บอัตราค่าโดยสารราคาเดิมต่อไปอีกเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2557 ถึงวันที่ 2 ตุลาคม 2557 โดยไม่ขอเรียกค่าชดเชยใดๆ ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้รายงานผลเจรจาต่อ พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจรับทราบแล้ว
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้โดยสารให้บริการในวันธรรมดาเฉลี่ยประมาณ 2.7 แสนเที่ยวคนต่อวัน วันหยุดมีผู้โดยสารให้บริการประมาณ 1.5 แสนเที่ยวคนต่อวัน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะรายงานเรื่องการปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายเฉลิมรัชมงค ต่อที่ประชุม คสช. ให้รับทราบตามขั้นตอนได้ในวันที่ 17 มิถุนายนนี้ พร้อมมั่นใจว่าไม่น่าจะมีปัญหาเนื่องจากเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทานระหว่างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กับ บริษัท BMCL ที่กำหนดให้มีการปรับค่าโดยสารทุกๆ 2 ปี ตามดัชนีผู้บริโภค ซึ่งในปีนี้จะครบกำหนดในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ ซึ่งตามเงื่อนไขจะต้องมีการประกาศอัตราค่าโดยสารใหม่ให้ประชาชนทราบก่อนล่วงหน้าเป็นระยะเวลา 30 วัน แต่ขณะนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ทัน
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้โดยสารให้บริการในวันธรรมดาเฉลี่ยประมาณ 2.7 แสนเที่ยวคนต่อวัน วันหยุดมีผู้โดยสารให้บริการประมาณ 1.5 แสนเที่ยวคนต่อวัน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะรายงานเรื่องการปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายเฉลิมรัชมงค ต่อที่ประชุม คสช. ให้รับทราบตามขั้นตอนได้ในวันที่ 17 มิถุนายนนี้ พร้อมมั่นใจว่าไม่น่าจะมีปัญหาเนื่องจากเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทานระหว่างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กับ บริษัท BMCL ที่กำหนดให้มีการปรับค่าโดยสารทุกๆ 2 ปี ตามดัชนีผู้บริโภค ซึ่งในปีนี้จะครบกำหนดในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ ซึ่งตามเงื่อนไขจะต้องมีการประกาศอัตราค่าโดยสารใหม่ให้ประชาชนทราบก่อนล่วงหน้าเป็นระยะเวลา 30 วัน แต่ขณะนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ทัน