ประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย แถลงขอโทษที่รัฐบาลล้มเหลวในการป้องกันอุบัติเหตุและการรับมือเหตุฉุกเฉินในกรณีเรือเฟอร์รี “เซวอล” อัปปาง ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายรวมกว่า 300 คน พร้อมกับประกาศจะทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบด้านความปลอดภัย ขณะที่การสอบสวนอุบัติเหตุทางทะเลครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 21 ปีของเกาหลีใต้เริ่มมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยหน่วยยามฝั่งเผยแพร่คลิปซึ่งแสดงให้เห็นภาพกัปตันของเรือมรณะลำนี้ ทิ้งผู้โดยสารรีบหลบหนีเอาตัวรอดทั้งที่ตัวเองยังไม่ทันนุ่งกางเกงให้เรียบร้อย
ในวันอังคาร (29) หรือเพียงสองวันหลังจากที่นายกรัฐมนตรี ชุง ฮองวอน ประกาศลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมเซวอล ประธานาธิบดีพัคได้ออกมาแถลงขอโทษประชาชน ซึ่งถือเป็นความพยายามอีกครั้งในการลดกระแสความโกรธแค้นที่เพิ่มมากขึ้น เกี่ยวกับอุบัติเหตุเรือเฟอร์รีลำนี้อัปปางเมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมา
“ข้าพเจ้าไม่รู้จะขอโทษอย่างไรต่อความล้มเหลวในการป้องกันอุบัติเหตุนี้ รวมทั้งการรับมือขั้นต้นที่ไม่ดีพอ ข้าพเจ้าเสียใจและรู้สึกหดหู่กับหลายชีวิตอันมีค่าที่ต้องสูญเสียไป”
รัฐบาลเกาหลีใต้ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าปล่อยให้เกิดการคอร์รัปชั่นและความหละหลวมในมาตรฐานด้านความปลอดภัย จนกระทั่งนำไปสู่หายนะครั้งนี้ ซึ่งมีการร้องเรียนว่า เรือเซวอลบรรทุกสินค้าเกินพิกัด ตลอดจนจัดทำรายชื่อผู้โดยสารอย่างไม่ครบถ้วนและไม่ถูกต้อง
เช่นเดียวกับที่นายกรัฐมนตรีชุงพูดไว้ตอนแถลงขอลาออก ประธานาธิบดีพัคก็กล่าวโทษความล้มเหลวเชิงระบบและกฎระเบียบ ว่ามีส่วนในโศกนาฏกรรมทางทะเลครั้งซึ่งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้นี้
ยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันล่าสุดเมื่อวันอังคารได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 203 ราย และยังสูญหายไม่ทราบชะตากรรม 99 คน โดยที่ปฏิบัติการค้นหากำลังเน้นที่ด้านขวาของดาดฟ้าชั้น 4 ของเรือ
ขณะที่การค้นหาภายในเรือส่วนซึ่งจมอยู่ใต้ทะเลยังคงดำเนินต่อไป การสอบสวนหาสาเหตุของเรืออัปปางก็มีความคืบหน้าไปอีกขั้น หลังจากคิม ฮันซิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของชอง แกจิน มารีน บริษัทผู้ดำเนินการเรือเซวอล ถูกสำนักงานอัยการเมืองอินชอน ซึ่งเป็นจุดที่เรือเซวอลเดินทางออกจากฝั่ง เรียกไปให้ปากคำ
คิมวัย 71 ปี ได้ออกคำแถลงหลังเกิดอุบัติเหตุคราวนี้เพียง 1 วัน ขอขมาต่อ “โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ” พร้อมระบุว่า ตนและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ของบริษัทมีส่วนรับผิดชอบต่อ “บาปร้ายแรง” ครั้งนี้จากการปล่อยให้อุบัติเหตุเกิดขึ้น
สื่อรายงานว่า คิมอาจถูกตั้งข้อหาประมาท ฉ้อโกง และเลี่ยงภาษี
อัยการยังบุกบ้านสองพี่น้องตระกูลยู ที่ถือหุ้นในชองแกจินรวมกันเกือบ 40% โดยผ่านเครื่องมือการลงทุนต่างๆ อีกทั้งอัยการยังร่วมกับหน่วยงานผู้คุมกฎการเงิน ทำการตรวจสอบโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทแห่งนี้ รวมทั้งตรวจสอบว่า มีการโอนย้ายเงินไปยังบริษัทในเครือนอกเกาหลีใต้หรือไม่
นอกจากนี้ในวันจันทร์ (28) อัยการยังบุกค้นสำนักงานหน่วยยามฝั่งในเมืองม็อกโป เพื่อตรวจสอบข้อกล่าวหาที่ว่า หน่วยยามฝั่งไม่ได้ตอบสนองการขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจากผู้โดยสารบนเรือเซวอลอย่างทันท่วงที
ในวันอังคาร (29) หรือเพียงสองวันหลังจากที่นายกรัฐมนตรี ชุง ฮองวอน ประกาศลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมเซวอล ประธานาธิบดีพัคได้ออกมาแถลงขอโทษประชาชน ซึ่งถือเป็นความพยายามอีกครั้งในการลดกระแสความโกรธแค้นที่เพิ่มมากขึ้น เกี่ยวกับอุบัติเหตุเรือเฟอร์รีลำนี้อัปปางเมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมา
“ข้าพเจ้าไม่รู้จะขอโทษอย่างไรต่อความล้มเหลวในการป้องกันอุบัติเหตุนี้ รวมทั้งการรับมือขั้นต้นที่ไม่ดีพอ ข้าพเจ้าเสียใจและรู้สึกหดหู่กับหลายชีวิตอันมีค่าที่ต้องสูญเสียไป”
รัฐบาลเกาหลีใต้ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าปล่อยให้เกิดการคอร์รัปชั่นและความหละหลวมในมาตรฐานด้านความปลอดภัย จนกระทั่งนำไปสู่หายนะครั้งนี้ ซึ่งมีการร้องเรียนว่า เรือเซวอลบรรทุกสินค้าเกินพิกัด ตลอดจนจัดทำรายชื่อผู้โดยสารอย่างไม่ครบถ้วนและไม่ถูกต้อง
เช่นเดียวกับที่นายกรัฐมนตรีชุงพูดไว้ตอนแถลงขอลาออก ประธานาธิบดีพัคก็กล่าวโทษความล้มเหลวเชิงระบบและกฎระเบียบ ว่ามีส่วนในโศกนาฏกรรมทางทะเลครั้งซึ่งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้นี้
ยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันล่าสุดเมื่อวันอังคารได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 203 ราย และยังสูญหายไม่ทราบชะตากรรม 99 คน โดยที่ปฏิบัติการค้นหากำลังเน้นที่ด้านขวาของดาดฟ้าชั้น 4 ของเรือ
ขณะที่การค้นหาภายในเรือส่วนซึ่งจมอยู่ใต้ทะเลยังคงดำเนินต่อไป การสอบสวนหาสาเหตุของเรืออัปปางก็มีความคืบหน้าไปอีกขั้น หลังจากคิม ฮันซิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของชอง แกจิน มารีน บริษัทผู้ดำเนินการเรือเซวอล ถูกสำนักงานอัยการเมืองอินชอน ซึ่งเป็นจุดที่เรือเซวอลเดินทางออกจากฝั่ง เรียกไปให้ปากคำ
คิมวัย 71 ปี ได้ออกคำแถลงหลังเกิดอุบัติเหตุคราวนี้เพียง 1 วัน ขอขมาต่อ “โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ” พร้อมระบุว่า ตนและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ของบริษัทมีส่วนรับผิดชอบต่อ “บาปร้ายแรง” ครั้งนี้จากการปล่อยให้อุบัติเหตุเกิดขึ้น
สื่อรายงานว่า คิมอาจถูกตั้งข้อหาประมาท ฉ้อโกง และเลี่ยงภาษี
อัยการยังบุกบ้านสองพี่น้องตระกูลยู ที่ถือหุ้นในชองแกจินรวมกันเกือบ 40% โดยผ่านเครื่องมือการลงทุนต่างๆ อีกทั้งอัยการยังร่วมกับหน่วยงานผู้คุมกฎการเงิน ทำการตรวจสอบโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทแห่งนี้ รวมทั้งตรวจสอบว่า มีการโอนย้ายเงินไปยังบริษัทในเครือนอกเกาหลีใต้หรือไม่
นอกจากนี้ในวันจันทร์ (28) อัยการยังบุกค้นสำนักงานหน่วยยามฝั่งในเมืองม็อกโป เพื่อตรวจสอบข้อกล่าวหาที่ว่า หน่วยยามฝั่งไม่ได้ตอบสนองการขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจากผู้โดยสารบนเรือเซวอลอย่างทันท่วงที