นายกฯ เกาหลีใต้ยื่นใบลาออก - ชี้ “ทุจริต” มีส่วนทำเรือเซวอลจม

เอเจนซีส์ – นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งในวันอาทิตย์ (27 เม.ย.) เพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณี เรือเฟอร์รี “เซวอล” อัปปางกลางทะเล ส่งผลให้ผู้โดยสารกว่า 300 คนเสียชีวิตหรือสูญหาย โดยเขาชี้ว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นและ “ปีศาจ” ที่ฝังลึกในสังคมแดนโสมขาวคือสาเหตุสำคัญ อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าครอบครัวเหยื่อยิ่งโกรธแค้นกับการรับมือโศกนาฏกรรมซึ่งเป็นไปด้วยความล่าช้าและความผิดพลาดเต็มไปหมด

“ผมขออภัยที่ไม่สามารถป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุแบบนี้เกิดขึ้น มิหน้ำซ้ำเมื่อเกิดขึ้นแล้วยังไม่สามารถรับมือได้อย่างเหมาะสม” ชุง ฮองวอน แถลงขณะประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้

ทั้งนี้ บรรดาญาติของผู้สูญหายและเสียชีวิต ต่างพากันโจมตีการรับมือต่ออุบัติเหตุเรือเซวอลจมเมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะความล่าช้าในการเริ่มต้นการกู้ภัย ซึ่งถูกระบุว่าเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นมากมายอย่างชนิดที่ควรหลีกเลี่ยงได้

คนเหล่านี้ยังโกรธแค้นเรื่องที่อาจมีการทุจริตและการขาดมาตรฐานด้านความปลอดภัย จนกระทั่งนำไปสู่โศกนาฎกรรมครั้งนี้ โดยที่มีการกล่าวหาว่า เรือเซวอลบรรทุกสินค้าเกินพิกัด ขณะที่รายชื่อผู้โดยสารไม่ถูกต้องสมบูรณ์ รวมถึงการที่สำนักงานการศึกษาจังหวัดเกียงจิ ส่งข้อความถึงผู้ปกครองของนักเรียนกว่า 300 คนที่อยู่บนเรือเซวอลว่า “นักเรียนโรงเรียนมัธยมดันวอนทุกคนได้รับการช่วยเหลือแล้ว” หลังจากเรือล่มไปแล้วหลายชั่วโมง

“จากอุบัติเหตุครั้งล่าสุดนี้ ผมตระหนักอย่างเจ็บปวดว่า มีปีศาจร้ายและการทุจริตหยั่งรากลึกเกินไปในสังคมของเรา และหวังว่า การกระทำผิดเหล่านี้จะถูกขุดรากถอนโคนเพื่อไม่ให้อุบัติเหตุแบบนี้เกิดขึ้นอีก” ซุงสำทับ

โดยปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้มีบทบาทหน้าที่ในเชิงพิธีการเสียมากกว่า ขณะที่อำนาจการบริหารประเทศส่วนใหญ่อยู่ในมือประธานาธิบดี ดังนั้น การลาออกของซุงจึงมีนัยในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น

โฆษกประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเยแถลงว่า พัคอนุมัติให้ซุงลาออก แต่ให้หยุดปฏิบัติงานจริงๆ ต่อเมื่อรัฐบาลเสร็จสิ้นปฏิบัติการกู้ภัยและเก็บกู้เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม พวกญาติผู้เสียชีวิตและสูญหาย ซึ่งจำนวนมากไปรวมตัวกันอยู่ที่เกาะจินโด อันเป็นกาะที่อยู่ใกล้บริเวณที่เรือเซวอลจมมากที่สุด ไม่ได้รู้สึกประทับใจกับการตัดสินใจของซุง บางคนบอกว่า การตัดสินใจดังกล่าวไม่ได้ช่วยพวกเขาบรรเทาความโศกเศร้าจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก

“ทุกคนที่มีส่วนรับผิดชอบต้องได้รับการลงโทษสถานหนัก แต่สิ่งที่จะต้องทำอย่างเร่งด่วนที่สุดคือการค้นหาร่างผู้สูญหายโดยเร็วที่สุด”

ขณะเดียวกัน ยัง จุงจิน อัยการอาวุโสเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นสำนักงานควบคุมการจราจรทางทะเลบนเกาะเจจู ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเรือเซวอล และที่จินโด รวมทั้งยึดบันทึกการสื่อสารทางวิทยุกับเรือเซวอล ตลอดจนคลิปการตรวจตราน่านน้ำ

ทั้งนี้ บันทึกบทสนทนาที่เปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้เผยให้เห็นว่า ทั้งลูกเรือและเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางทะเลต่างแตกตื่นและลังเลในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย และไม่สามารถตัดสินใจสั่งอพยพผู้โดยสารได้ทันเวลา

นอกจากนี้อัยการยังบุกค้นธุรกิจในเครือของ ชองแกจิน มารีน คอมปานี บริษัทผู้ดำเนินการเรือเซวอล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนกรณีการทุจริตของผู้บริหารบริษัท รวมทั้งสั่งห้ามผู้บริหารทั้งอดีตและปัจจุบัน 8 คนของสำนักงานทะเบียนการเดินเรือเกาหลี ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการออกใบรับรองความปลอดภัยทางทะเล เดินทางออกนอกประเทศ

เจ้าหน้าที่ยังจับกุมลูกเรือ 4 คนของเรือเซวอลเมื่อวันอาทิตย์ เท่ากับว่า ลูกเรือทั้ง 15 คนที่รอดชีวิตและมีส่วนรับผิดชอบการบังคับเรือ ทั้งหมดถูกควบคุมตัวแล้วในขณะนี้ ด้วยข้อหาทางอาญาตั้งแต่ประมาทจนถึงทอดทิ้งผู้โดยสาร

ยังเสริมว่า ลูกเรือคนหนึ่งได้โทรศัพท์ไปยัง ชองแกจิน ขณะที่เรือเริ่มเอียง แต่ไม่ได้ระบุว่า ผู้โทรศัพท์คือกัปตันเรือหรือไม่ ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า กัปตันเรือโทรศัพท์ไปบริษัทเพื่อขออนุญาตอพยพผู้โดยสาร

ยังสำทับว่า สาเหตุที่ทำให้เรือจมอาจเกิดจากการเลี้ยวกะทันหัน การจัดเก็บสินค้าไม่เหมาะสม การดัดแปลงเรือ และอิทธิพลของน้ำขึ้นน้ำลง โดยเจ้าหน้าที่สอบสวนจะค้นหาสาเหตุด้วยการหารือกับผู้เชี่ยวชาญและด้วยการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถจำลองการเดินเรือได้เสมือนจริง

สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันเมื่อวันอาทิตย์นั้น อยู่ที่ 188 ราย แทบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากช่วง 2 วันก่อน และยังสูญหายอีก 144 คน ซึ่งเชื่อว่า ติดอยู่ในเรือที่จมอยู่

นักประดาน้ำต้องต่อสู้กับอาการป่วยซึ่งเกิดจากความกดอากาศที่ลดลงเมื่อดำลงไปในน้ำลึก รวมทั้งกระแสน้ำเชี่ยวกราก ลมแรง และทัศนวิสัยเลวร้ายใต้ทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากเรือค่อยๆ จมลงในโคลนใต้ทะเล จนขณะนี้อยู่ที่ความลึกกว่า 40 เมตร ทำให้การดำน้ำลงค้นหาผู้สูญหายยากลำบากและอันตรายยิ่งขึ้น

คิม เซ็กกึน ผู้บัญชาการหน่วยหน่วยยามฝั่งเกาหลีใต้สำทับว่า ล่าสุดนักประดาน้ำ 98 คนกำลังเข้าสู่ส่วนเคบินบนดาดฟ้าชั้น 4 ของเรือเซวอล ซึ่งเต็มไปด้วยพรมและผ้าห่มอุ้มน้ำ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ปิดทางเข้า ทำให้การค้นหายากลำบากมากขึ้น