นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความเห็นสถานภาพแรงงานไทย รายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท พบสถานภาพแรงงานแย่ที่สุดในรอบ 6 ปี ตั้งแต่ปี 2552 โดยแรงงานร้อยละ 93.7 มีหนี้สูงขึ้น เฉลี่ยกว่า 100,000 บาทต่อครัวเรือน ผ่อนชำระกว่า 6,600 บาท เป็นหนี้นอกระบบสูงขึ้น อยู่ที่ร้อยละ 56 หรือ 7,400 บาท สูงที่สุดในรอบ 6 ปี และเป็นหนี้ในระบบ ร้อยละ 44 หรือ 5,400 บาท
ทั้งนี้ แรงงานมีการออมน้อย เพียงร้อยละ 24 ต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี ตั้งแต่ปี 2552
นอกจากนี้ พบว่าแรงงานร้อยละ 74 มีปัญหารายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย โดยสาเหตุมาจาก สินค้าแพงขึ้น รายได้ลดลง อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และราคาน้ำมันแพง โดยมีโอกาสตกงานมากถึงร้อยละ 29 และโอกาสตกงานปานกลาง ร้อยละ 44 สูงกว่าปีก่อน โดยกังวลเรื่องหนี้สินมากที่สุด รองลงมา คือ รายได้ในปัจจุบัน ราคาสินค้าแพง และตกงาน หลังจากเศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสโตต่ำกว่าร้อยละ 2.5
ส่วนเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลเข้ามาดูแล คือ การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจาก 300 บาทต่อวัน เป็น 388 บาทต่อวัน เพิ่มเป็น 498 บาท ใน 3 ปีข้างหน้า และเป็น 579 บาทในอีก 5 ปี เพราะค่าจ้างขั้นต่ำที่ได้รับนั้น ไม่เหมาะสมในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะราคาสินค้าเพิ่มมากกว่าค่าจ้าง ทำให้ค่าครองชีพแพง
ขณะที่เงินสะพัดวันแรงงานปีนี้ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประมาณร้อยละ 2.3 โดยมีมูลค่าการใช้จ่าย 1,965 ล้านบาท จากปี 2556 ที่มีมูลค่าใช้จ่าย 1,921 ล้านบาท
ทั้งนี้ แรงงานมีการออมน้อย เพียงร้อยละ 24 ต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี ตั้งแต่ปี 2552
นอกจากนี้ พบว่าแรงงานร้อยละ 74 มีปัญหารายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย โดยสาเหตุมาจาก สินค้าแพงขึ้น รายได้ลดลง อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และราคาน้ำมันแพง โดยมีโอกาสตกงานมากถึงร้อยละ 29 และโอกาสตกงานปานกลาง ร้อยละ 44 สูงกว่าปีก่อน โดยกังวลเรื่องหนี้สินมากที่สุด รองลงมา คือ รายได้ในปัจจุบัน ราคาสินค้าแพง และตกงาน หลังจากเศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสโตต่ำกว่าร้อยละ 2.5
ส่วนเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลเข้ามาดูแล คือ การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจาก 300 บาทต่อวัน เป็น 388 บาทต่อวัน เพิ่มเป็น 498 บาท ใน 3 ปีข้างหน้า และเป็น 579 บาทในอีก 5 ปี เพราะค่าจ้างขั้นต่ำที่ได้รับนั้น ไม่เหมาะสมในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะราคาสินค้าเพิ่มมากกว่าค่าจ้าง ทำให้ค่าครองชีพแพง
ขณะที่เงินสะพัดวันแรงงานปีนี้ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประมาณร้อยละ 2.3 โดยมีมูลค่าการใช้จ่าย 1,965 ล้านบาท จากปี 2556 ที่มีมูลค่าใช้จ่าย 1,921 ล้านบาท
