นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. เปิดเผยว่า ที่ประชุมพิจารณาเห็นว่า ปัจจุบันยังคงมีกลุ่ม กปปส.นำมวลชนปิดล้อม บุกรุกสถานที่ราชการ หรือหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ โดยมีพฤติกรรมคุกคามให้ข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ออกจากสถานที่ทำงาน ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จึงได้เชิญปลัดทุกกระทรวงมาประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันในการดำเนินคดีกับแกนนำ กปปส.ที่บุกรุกหรือทำให้เสียหายกับสถานที่ราชการ ซึ่งกำหนดว่าจะมีการดำเนินคดีใน 4 ฐานความผิด ได้แก่ ความผิดฐานบุกรุก ความผิดต่อเสรีภาพฐานข่มขืนใจผู้อื่น ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และความผิดตามประกาศ ศอ.รส.ฉบับที่ 1/2557 เรื่อง ห้ามบุคคลเข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่กำหนด และห้ามใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ ลงวันที่ 19 มีนาคม ซึ่งออกตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทั้งนี้ แล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นกรณีไป
นอกจากนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่าคดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง อันเกิดจากการกระทำของแกนนำ กปปส.กับพวก เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีดังนี้ คือ กปปส.ขัดขวางการเลือกตั้่งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 194 คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร 51 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด 143 คดี คดีเจ้าหน้าที่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น 178 คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร 66 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด 112 คดี รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น 372 คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้รวม 201 คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว 205 คน ทั้งนี้ เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต.จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง มีจำนวนถึง 1,713 คน ซึ่ง ศอ.รส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้
ทั้งนี้ ศอ.รส.ได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษ ซึ่งรับผิดชอบดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และแกนนำ กปปส.รวมทั้งสิ้น 58 คน ว่า จะได้นำเอาการกระทำความผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้งเข้ามารวมกับความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ ฐานร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย และฐานร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองตามที่ได้มีมติกำหนดไว้ เพราะถือว่าความผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้งเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับคดีพิเศษดังกล่าว
นอกจากนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่าคดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง อันเกิดจากการกระทำของแกนนำ กปปส.กับพวก เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีดังนี้ คือ กปปส.ขัดขวางการเลือกตั้่งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 194 คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร 51 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด 143 คดี คดีเจ้าหน้าที่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น 178 คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร 66 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด 112 คดี รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น 372 คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้รวม 201 คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว 205 คน ทั้งนี้ เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต.จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง มีจำนวนถึง 1,713 คน ซึ่ง ศอ.รส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้
ทั้งนี้ ศอ.รส.ได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษ ซึ่งรับผิดชอบดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และแกนนำ กปปส.รวมทั้งสิ้น 58 คน ว่า จะได้นำเอาการกระทำความผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้งเข้ามารวมกับความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ ฐานร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย และฐานร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองตามที่ได้มีมติกำหนดไว้ เพราะถือว่าความผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้งเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับคดีพิเศษดังกล่าว