จีนเดือด เรียกทูตแดนอาทิตย์อุทัยมาประท้วงพร้อมเตือนให้รอรับผลที่จะติดตามมา ขณะที่เกาหลีใต้ฉุน ชี้กระทบเสถียรภาพและความร่วมมือในภูมิภาค แม้แต่พันธมิตรสำคัญอย่างสหรัฐฯ ยังแสดงความผิดหวัง หลังจากนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น เดินทางไปสักการะศาลเจ้าสงคราม “ยาสุคุนิ” เมื่อวันพฤหัสบดี (26ธ.ค.)
เชื่อกันว่า ศาลเจ้ายาสุคุนิเป็นที่สถิตย์ของดวงวิญญาณทหารญี่ปุ่นราว 2.5 ล้านคนที่เสียชีวิตในสงครามครั้งต่างๆ โดยส่วนใหญ่เป็นทหารธรรมดา แต่ก็มีนายทหารระดับสูงที่ถูกประหารชีวิตข้อหาอาชญากรสงครามหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมอยู่ด้วย
โดยเฉพาะเกาหลีใต้กับจีนนั้น มองว่าการไปสักการะศาลเจ้ายาสุคุนิ เป็นสัญลักษณ์ของการที่ญี่ปุ่นยังไม่สำนึกผิดกับการข่มเหงรังแกเพื่อนบ้านเมื่อศตวรรษที่แล้ว รวมทั้งพยายามปกปิดพฤติกรรมกระหายสงครามในอดีต
การเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิครั้งนี้ยังมีขึ้นหลังจากที่อาเบะเข้ารับตำแหน่ง 12 เดือนพอดิบพอดี ซึ่งในระหว่างช่วงเวลานี้ทั้งประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเยของเกาหลีใต้ ยังคงหลีกเลี่ยงไม่ยอมพบปะหารืออย่างเป็นทางการกับนักการเมืองชาตินิยมฝ่ายขวาของญี่ปุ่นผู้นี้
วอชิงตันที่พยายามรักษาสมดุลระหว่างการสนับสนุนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญในเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่จีนกำลังขยายอิทธิพลทั่วโลก กับการไม่แสดงตนในทางหนุนหลังจนกระทั่งเลยเถิดต่ออาเบะ ซึ่งพวกผู้สังเกตการณ์มองว่าเป็นผู้ที่อาจก่อเหตุสร้างปัญหายุ่งยากขึ้นมาได้นั้น ก็ยังรู้สึกว่าต้องออกมาวิจารณ์แบบบันยะบันยังต่อความเคลื่อนไหวของผู้นำญี่ปุ่นคราวนี้
“ญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรและเพื่อนมิตรที่มีคุณค่า กระนั้นก็ตาม สหรัฐฯก็รู้สึกผิดหวังที่คณะผู้นำญี่ปุ่นกระทำการที่จะทำให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านเพิ่มความตึงเครียดยิ่งขึ้น” คำแถลงของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำโตเกียวระบุ
เชื่อกันว่า ศาลเจ้ายาสุคุนิเป็นที่สถิตย์ของดวงวิญญาณทหารญี่ปุ่นราว 2.5 ล้านคนที่เสียชีวิตในสงครามครั้งต่างๆ โดยส่วนใหญ่เป็นทหารธรรมดา แต่ก็มีนายทหารระดับสูงที่ถูกประหารชีวิตข้อหาอาชญากรสงครามหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมอยู่ด้วย
โดยเฉพาะเกาหลีใต้กับจีนนั้น มองว่าการไปสักการะศาลเจ้ายาสุคุนิ เป็นสัญลักษณ์ของการที่ญี่ปุ่นยังไม่สำนึกผิดกับการข่มเหงรังแกเพื่อนบ้านเมื่อศตวรรษที่แล้ว รวมทั้งพยายามปกปิดพฤติกรรมกระหายสงครามในอดีต
การเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิครั้งนี้ยังมีขึ้นหลังจากที่อาเบะเข้ารับตำแหน่ง 12 เดือนพอดิบพอดี ซึ่งในระหว่างช่วงเวลานี้ทั้งประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเยของเกาหลีใต้ ยังคงหลีกเลี่ยงไม่ยอมพบปะหารืออย่างเป็นทางการกับนักการเมืองชาตินิยมฝ่ายขวาของญี่ปุ่นผู้นี้
วอชิงตันที่พยายามรักษาสมดุลระหว่างการสนับสนุนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญในเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่จีนกำลังขยายอิทธิพลทั่วโลก กับการไม่แสดงตนในทางหนุนหลังจนกระทั่งเลยเถิดต่ออาเบะ ซึ่งพวกผู้สังเกตการณ์มองว่าเป็นผู้ที่อาจก่อเหตุสร้างปัญหายุ่งยากขึ้นมาได้นั้น ก็ยังรู้สึกว่าต้องออกมาวิจารณ์แบบบันยะบันยังต่อความเคลื่อนไหวของผู้นำญี่ปุ่นคราวนี้
“ญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรและเพื่อนมิตรที่มีคุณค่า กระนั้นก็ตาม สหรัฐฯก็รู้สึกผิดหวังที่คณะผู้นำญี่ปุ่นกระทำการที่จะทำให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านเพิ่มความตึงเครียดยิ่งขึ้น” คำแถลงของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำโตเกียวระบุ